สามารถ ดู "บทความที่ได้รับความนิยม 10 อันดับ

จาก ลิงค์ ส่วนล่างของหน้าบทความนี้ ค่ะ



หากบทความเหล่านี้ มีประโยชน์ อ่านแล้ว ชอบ อยากให้กำลังใจ เจ้าของบล็อก

สามารถทำได้เพียง กดแบ่งปัน ไปตาม google + หรือ facebook หรือ twiter

ขอบคุณค่ะ

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ครูอ้อย ตอบจดหมายคนอกหัก

ถึงคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง 

หลายวันมานี้หนูเศร้าๆมากๆเพราะหนูเพิ่งเลิกกับแฟนซึ่งเป็นรักสามเศร้า เรื่องยาวและหนูเจ็บมากๆจนต้องโทรไปหาครอบครัวซึ่งหนูไม่ว่าจะมีปัญหาความรักยังไงก็ไม่เคยโทรไปหา
หนูนอนร้องไห้ก่อนหน้านี้ ไม่ถึงชั่วโมงจนต้องเอาหนังสือเข็มทิศชีวิตของคุณฐิตินาถมาอ่านเพราะไม่หลับซะที ต้องเกริ่นเลยหนูเคยอ่านเข็มทิศชีวิตมาบ้างแล้วหลายตอนเพราะป้าหนูชอบอ่านมากๆ แต่เล่มนี้ตอนที่ 3 กฎแห่งความสุข ตรงกับปัญหาที่หนูเจออยู่ตอนนี้มากๆเลยคะ หนูควรดำเนินชีวิตต่อไปยังไงดี

เพียงเพราะรัก
เพียงเพราะรัก


ตอบ

ควรดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขที่สุด

เวลาที่คนทิ้งคุณไป ไม่ว่าจะเป็นบริษัท เจ้านาย แฟน เพื่อน ลูกน้อง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณคือ มีชีวิตต่อไปให้ยอดเยี่ยมที่สุดค่ะ
ถ้าคุณนั่งโกรธแค้น ชีวิตจะตกตำ่ลงเพราะมัวใช้พลังงานกับความโกรธ
การให้อภัยเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดเสมอ เพราะ ความโกรธนั้น เวลาผุดขึ้นมาในใจ นักวิทยาศาสตร์ทางจิตพบว่า มนุษย์ใช้พลังงานเยอะมาก ในการควบคุมดูแลความโกรธ ไม่ว่าจะกดข่ม หรือแสดงออกไป
การให้อภัยไม่ใช่เพื่อเขาแต่เพื่อเรา ขอบคุณที่เขาแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในชีวิตต่อไปอีกเรื่อยๆจำไว้ว่าเกิดอะไรขึ้นมา อันดับแรกให้ยิ้ม ยิ้มด้วยความรู้สึกว่า เราเป็นผู้รับผิดชอบในการทำให้สถาณะการณ์ดีขึ้นได้ อย่างน้อยที่สุดคือ ความรู้สึกของเราสามารถดีขึ้นได้เลยทันที
คนมากมายเคยรู้ว่า พอมันผ่านไปแล้วเราจะหัวเราะกับมัน แต่ครูอ้อยพบว่าจะรอทำไม ยิ้ม หัวเราะตอนนี้เลยสิ เพราะตอนนี้คือเวลาสำคัญที่สุดที่เราต้องการ การยิ้ม
ทันทีที่คนยิ้ม โลกแจ่มใส สารเคมีดีดีหลั่ง ตาสว่าง มองเห็นประตูทางออก เงื่อนไขดีดีในชีวิตปรากฏขึ้นมากมาย
อย่าทำให้เขาคิดถูกที่ทิ้งคุณไปช่วยพิสูจน์ว่าเขาคิดผิด ตัดสินใจผิด ประเมินคุณผิด ด้วยการมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมมีความสุขทุกวัน
แบบที่ภาษาวัยรุ่นบอกว่า จะไปไม่ว่าแต่จะกลับมาช่วยรับบัตรคิว
ทัศนคติท่าที ที่คุณมีจะกำหนดผลลัพธ์ในชีวิตของคุณ ลองคิดดูว่า ผู้หญิงคนแรก แฟนทิ้งตกงาน เจ้าหนี้ทวง เขาคิดว่าชีวิตจบกันแล้ว
ส่วนคนที่สอง มองว่าเป็นโอกาสในการเริ่มต้น การออกจากงานเป็นโอกาสให้ได้เริ่มสร้างงานธุรกิจที่ตัวเองรัก แต่ที่ผ่านมาไม่กล้าลาออกเพราะเงินเดือนก็ดี ไม่กล้าเลิกกับแฟนที่นอกใจบ่อยๆเพราะกลัวต้องอยู่คนเดียว ไม่กล้าจัดการขายทิ้งทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นในชีวิต พอเจอปัญหา เลยได้สะสางสิ่งที่ไม่ดีไม่เป็นประโยชน์ในชีวิตออกไปอย่างแท้จริง
คุณคิดว่า คนที่หนึ่งและสอง ที่เจอสถาณะการณ์เหมือนกัน ด้วยมุมมองที่ต่างกัน ถ้าปัจจัยแวดล้อมเสมอกัน ชีวิตใครจะมีความสุขกว่า ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
แน่นอนว่าคนที่สองจะมีความสุข ตอนนี้ทันที
คนมีปัญญาจะรู้ดีว่าเราต้องสามารถมีความสุขได้จากในตัวเอง ในเวลาที่ทุกอย่างอาจดูยาก เมื่อเราสามารถมีความสุขสงบเบิกบานได้ สิ่งดีดี คนดีดี จึงจะปรากฏตัวขึ้นในชีวิต เพราะเราจะมีความสามรถในการมองเห็นเขาทันที
สิ่งที่ดูเหมือนปัญหา ที่จริงแล้วมีโอกาสมีแง่มุมที่ดีเป็นประโยชน์ในชีวิตอยู่มากมาย
หลายครั้งในชีวิตที่สิ่งที่ค่อนข้างดี ดึงเราไว้จากสิ่งที่ดีที่สุด
โลกส่งโจทย์มาเพื่อให้เราเคลื่อนไปยังจุดที่ดีที่สุดเสมอ แค่เราเรียนรู้และมองให้ออก เปิดตามองดูสิ่งดีดีในชีวิตที่อยู่รอบตัวเรา
สถาณการณ์ในชีวิต มันไม่ได้ดีหรือไม่ดีในตัวของมันเอง ความโชคดี ได้ลาภ ถ้าเราปฏิบัติกับมันไม่ถูกต้องก็อาจกลายเป็นผลลบกับชีวิตได้ ความท้าทายความยาก ถ้าเราปฏิบัติตัววางใจอย่างถูกต้อง จะกลายเป็นสิ่งดีที่ทำให้ชีวิตของเรายกระดับขึ้นได้ทันทีทั้งด้านความคิด ความรู้สึก การเงิน จิตวิญญาณ
ในตอนนี้ คุณต้องลุกขึ้นมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพิ่มทักษะในการทำงาน ครูพบว่าคนในยุคนี้จำนวนมาก ไม่มีทักษะ Skill เฉพาะ ที่เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว
พอถามว่ารักอะไรชอบทำอะไร ทำอะไรได้เก่งดีก็ไม่รู้ อยากเปิดร้านอาหารก็ทำอาหารไม่เป็น อยากเป็นโน่นเป็นนี่ก็ไม่มีความเชี่ยวชาญ ไม่มีจุดแข็งเฉพาะตัว
ตอนนี้ครูอ้อย สอนให้คนลองมองให้เห็นว่า เรามีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอะไรที่เราทำเก่งเป็นธรรมชาติ เป็นพรสวรรค์ สองอะไรที่เราสนใจทำให้เราตื่นเต้น อยากตื่นขึ้นมาทำทุกวัน สามอะไรที่เป็นสไตล์ เป็นบุคลิคเป็นความชอบของเรา จุดที่สามเรื่องนี้บรรจบกันคือจุดที่เราแข็งแรงและทำได้ดีที่สุด เมื่อเราเลือกมาทำเราจะประสบความสำเร็จในชีวิต มีความสุขในการได้ตื่นขึ้นมาทำทุกวัน
การอกหักเป็นสัญญาณบอกอันหนึ่งว่า ที่ผ่านมาคุณยังไม่ได้พบ Passion สิ่งที่คุณรักมีความสุข มีชีวิตร่าเริง ดูแลมิติด้านต่างๆในชีวิตได้ดี จนเคารพตัวเอง เคารพคนที่คุณรัก
เลิกกันไปคราวนี้เป็นโอกาส รื้อลิ้นชักเก็บกวาดความรู้สึกในใจ อะไรที่เป้นขยะก็ทิ้งไป อะไรที่เป็นสิ่งดีดี เพื่อนดีดี ความสนใจเรียนรู้เรื่องใหม่ๆจะได้มีพื้นที่ในชีวิต
ลงมือทำ ลงมือเรียนรู้บางอย่าง ทำชีวิตให้ยอดเยี่ยมมหัศจรรย์ เฉลิมฉลองของขวัญในชีวิตใหม่ เริ่มต้นจากจดหมายฉบับนี้ที่ครูอ้อยตอบคุณ และเป็นประโยชน์ให้คนอ่านได้เอาไปบอกเพื่อนที่อาจกำลังอกหัก ผิดหวังตกงานอีกนับไม่ถ้วน ขอบคุณโพสต์ทูเดย์ที่เป็้นสื่อกลาง
ขอให้คุณและคน่านทุกคนมีความสุขมีชีวิตที่อบอุ่นทุกคืนวัน
รักคนทีรักเรา และรักส่งความรู้สึกปรารถนาดีไปยังคนที่ทำร้ายเรา แม้ตอนแรกจะฝืนบ้างเล็กน้อย พลังความเมตตาปรารถนาดีคุ้มครองทุกท่านค่ะ

ด้วยรักและยิ้มแป้น ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง


ที่มา แฟนเพจ ครูอ้อย

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความรัก กับ ความอดทน

4hno1

พุทธศาสนา .. สอนอย่างไร กับความรัก...

..คงต้องบอกก่อนว่าไม่มี ศาสนาใดในโลกนี้ ที่จะสอนคนไม่ให้รักกัน..
มิเช่นนั้นมนุษย์โลกคงสูญพันธ์กันหมดโลกแน่ๆ
ถึงตรงนี้.. คงต้องขอใช้คำของหลวงพ่อพุทธทาส
ที่ท่านกล่าวไว้ในหลังสือ คู่มือมนุษย์ ว่า...

...การศึกษาธรรม คือการศึกษาธรรมชาติ...
การเรียนรู้ ธรรมชาติ เหมือนการเรียนรู้ที่จะ
..กินปลา โดยไม่ให้กางปลาแทงปาก..

คือให้รู้จักที่จะรัก ... รู้จักถึงสภาวะ ธรรมชาติ
ตามกฏไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง...ทุกขัง ...อนัตตา..
ทุกสิ่งในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดเทียงแท้คงอยู่ตลอดไป (..อนิจจัง..)
ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนแต่เป็นเหตุแห่งทุกข์ (..ทุกขัง..)
ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนไม่มีสิ่งใด เป็นตัวตนที่แน่นอน (..อนัตตา..)

จนสามารถกล่าวได้ว่า
..สิ่งที่แน่นอนที่สุดในโลกนี้...คือความไม่แน่นอนนั้นเอง...
ดังนั้น พุทธศาสนา จึงสอนเรา ให้รู้ว่า...
...ความรัก เป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา...
...ความรัก เป็นทุกข์..เพราะพอความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
เรารับการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ ก็ทุกข์...
...ความรัก เป็นอนัตตา คือไม่มีตัวตนที่แน่นอน
เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดนั่นเอง...

ยกตัวอย่างเช่น .. เมื่อเราแต่งงาน ..แล้วเกิดการอย่าร้างขึ้น
..สังคมเรียกว่า.. "เป็นหม่าย"..

จิต ย่อมเป็นทุกข์ เกิดความเศร้าเสียใจ เพราะ
รับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงนั้น เมื่อจิตย่อมรับกับ
สภาวะที่...ไม่มีเขา... อยู่ด้วยแล้ว ..
เมื่อย่อมรับได้
จิตก็เบา สบาย...ความทุกข์ ลดลง..
แต่ สภาวะ "เป็นหม่าย" ก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหน
แต่ จิตรับการเปลี่ยนแปลงได้ ความทุกข์ก็ลดลง..

นี่ ธรรมะ จึงคือ..ธรรมชาติ เราจะรู้จักหรือไม่..ธรรมะก็มีอยู่
...เกิดขึ้น..ตั้งอยู่...แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา....

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เรามาคนเดียว..

วันหนึ่ง ไปดูดวง กับหลวงตารูปหนึ่ง
และถามหลวงตาว่า
หลวงตาคะ … หนู กับ เขา …ใช่คู่กันมั้ยคะ
หลวงตา ตอบว่า …
คนเราเกิดมาในโลกนี้
เรามาคนเดียว …..
เราก็ต้องไปคนเดียว
เกิดมาในโลกมนุษย์ มีเพื่อนใหม่มากมาย
คิดหรือ ว่าจะมีใครรักเราจริง ไปกับเราได้
ถ้าเรา ไม่รักตัวเอง แล้วใครจะมารัก
หมั่นทำบุญ ปฏิบัติธรรม ของเราไป
อีกหน่อย อะไรๆ มันจะดีขึ้นมาเอง
ด้วยผลบุญที่เราสร้างเราทำ 



คำสอน จาก พระ รูปหนึ่ง เมื่อยามที่ ใจเราท้อแท้ ทุกข์เพราะคนรักหนีหาย..


เรามีความสุข

ยามทุกข์ โทรหา คุณแม่ชีใหญ่ ที่เคารพ
ให้ท่านเมตตาสอน … เตือนสติ
ท่านว่า..


เมื่อคนเขาไม่รักเรา
อยู่กับเรา เค้าไม่มีความสุข
เรามีความสุข เค้าไม่มีความสุข
ก็คือเค้าไม่รักเรา
มันเป็นเพียงวิบากกรรมมาเสวยกันชั่วคราว
ที่ทำให้ มารัก มาหลง กันชั่วคราว แล้วก็ไป
ทุกอย่างเป็นเพียงกรรม
พึงพยายามนั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้เขาไป
เมื่อไปแล้วก็ขอให้ไปดี เมื่อไม่ดีก็ให้กลับมา
และยึดพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง  

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เมื่อ … ต้อง ยอมเจ็บ

บางที . . . หัวใจก็ยอมเจ็บ
เพียงแลกกับ ความสุขเล็กๆ . . . มาเก็บไว้
บางที . . . เหนื่อยจนลุกขึ้นไม่ไหว
แต่ก็ยังพอใจ . . . กับสิ่งที่เป็น
บางที . . . แม้จะลำบากยากเข็ญ
แต่ก็ยอมเป็น . . . เบี้ยล่างหัวใจเธอ
อาการแบบนี้ใครไม่เป็น . . . ไม่รู้สึกจริงไหม
มันมีเหตุผลหลายอย่าง
ที่เราจำเป็นต้องหักห้ามใจไม่ให้รักใครสักคน
เหตุผลของคนเราย่อมไม่เหมือนกัน
บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะรู้ตัวว่ามันคงเป็นไปไม่ได้
บางคนอาจต้องห้ามใจ
เพราะกลัวใจตัวเองจะถลำลึกและเจ็บปวดมากไปกว่านี้
บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะมีคนที่รักคนที่เรารักมาก่อน
และคนคนนั้นก็คือคนที่เรารู้จัก
และเราก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของคนคนนั้น
บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะเขาอาจไม่ได้คิดและรู้สึกเหมือนกับเรา
ทุกข์ทรมานแค่ไหนที่เรารักเขา
แต่ต้องพยายามฝืนใจถอยห่างออกมา
เราต้องเงียบ ต้องเฉยชา ต้องเลี่ยง ต้องหลบหน้า
ต้องทำหน้าตาบึ้งตึงใส่
เพื่อจะย้ำเตือนให้ตัวเองไม่ต้องรู้สึกอะไรใดๆ กับเขา
มันเจ็บแทบบ้าที่ต้องทำร้ายตัวเองด้วยวิธีการนี้
แม้จะดูเป็นวิธีการโง่ๆ
แต่หากจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องตัวเอง
เพื่อไม่ให้ใจของตัวเองต้องบาดเจ็บ
การถอยห่างจะช่วยสอนให้เราได้เรียนรู้ว่า
ยิ่งเรายึดติด อยากได้ อยากครอบครอง
ยิ่งทำให้เราอ่อนแอและแพ้ภัยตัวเอง
หากไม่ได้เขามาเป็นคนรักของเรา
ขอเพียงแค่เขาได้เข้าใจในเหตุผลข้อนี้
อย่าได้เข้าใจว่าเราโกรธหรือเกลียดเขาถึงต้องแสดงท่าทีเฉยชาใส่
คนเจ็บปวดคนนี้ก็จะได้มีแรงพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง
พร้อมที่จะใช้ชีวิตที่เดินบนทางที่เหมาะที่ควร
แม้ว่าการเดินทางจะมีอุปสรรคมากบ้างน้อยบ้างก็ตามที
หลังจากที่เราเข้มแข็งได้แล้ว
ห้ามใจไม่ได้รักเขาได้แล้ว
ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
คิดและรู้สึกกับเขาได้อย่างคนธรรมดาสามัญที่รู้สึกดีต่อกัน
ไม่ต้องรู้สึกแบบพิเศษที่แอบแฝงด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
และสามารถอยู่บนโลกใบเดียวกับเขาได้อย่างจริงใจที่สุด
เป็นธรรมชาติมากที่สุดโดยไม่ต้องกดดันอะไร
หวังว่าเขาคงเข้าใจในเหตุผลที่เรากระทำลงไป
เจ็บนะไม่ใช่ไม่เจ็บ
แต่สักพักก็คงจะหายดี
แล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
อย่าหลอกตัวเองต่อไป ว่า …
น้ำตาจะล้างดวงตาของเธอ ให้มองเห็นชัดเจนขึ้น
เพราะในดวงตาที่พร่ามัว ไปด้วยน้ำตาอย่างนั้น
เธอจะมองเห็นอะไรได้ …
นอกจากความทรงจำหม่นมัว
และความฝันอันมืดมิด …
อย่ากล่าวโทษว่า … ตัวเองไม่ดี
ในความรัก ไม่มีใคร ดี หรือ ไม่ดี
มีแค่ "รัก" หรือ "ไม่รัก"
ต่อให้เธอทำดีแค่ไหน
ถ้าลองได้หมดรักแล้ว … ก็ไม่มีทางจะดีไปได้
ที่มา … http://poem.kapook.com/sad.php

ทำไมรักจึงจาง

เพราะความรักมีหลายด้าน หลายแฉกและหลายมุม
โดย เมอร์ลิน
            ดังนั้น ความรักสำหรับบางคนจึงสุกสกาวและสว่างไสวโชติช่วงไม่รู้ดับไม่มีมอด ถือเป็นรักแล้วรักเลยและไม่มีวันซะหรอกที่จะหมดอายุกันง่ายๆ ตรงข้ามกับความรักของใครอีกหลายคนกลับเบื่อง่ายหน่ายเร็ว รักกันแป๊บๆ ปรู๊ดปร๊าดแต่เฉาเร็ว เดี๋ยวก็เซ็งเดี๋ยวก็เลิก ไม่รู้เป็นไงทำไมถึงเลิกกันเร็ว เลิกกันไวอย่างนี้นะ...ชักสงสัยแล้วดิ
           ซึ่งเอาเหอะ ใครจะรักกันช้าแต่เลิกกันไว หรือรักเร้ว เร็ว แถมเลิกกันง้าย ง่ายก็ตามที มันย่อมมีสาเหตุหรือมูลเหตุจูงใจที่คอยบั่นทอนและกัดเซาะความรักให้เจือจาง และสาละวันเตี้ยลงแหงๆ เลย
          งั้นมาดูกันดีกว่าว่า  มีอะไรบ้างนะที่เป็นสาเหตุทำให้คู่รักห่างเหินกันเร็วและเบื่อหน่ายกันอย่างปุ๊บปั๊บ จึงทำให้รักจืดจางต่างฝ่ายต่างหันหลังให้แก่กัน ก็เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ไง เช่น...
1. เมื่อหมดสวย หมดหล่อ
           เพราะวังวนของสังขารมนุษย์นั้นไม่เที่ยง และคนเรายังฝืนกฎธรรมชาติไม่ค่อยจะได้ จึงทำให้ผิวพรรณของวัยหนุ่มวัยสาวพออายุมากขึ้น จึงไม่เต่งตึงเหมือนแต่ก่อน แถมบางคนพอริ้วรอยมาเยือนก็ไม่ยอมหาวิธีบำรุงผิวลบรอยเหี่ยวย่นเตรียมไว้ล่วงหน้าซะด้วยสิ แต่อย่างว่ามนุษย์แต่ละคนกว่าจะหมดสวย หมดหล่อก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางคนอู๊ยกว่าจะไม่หล่อไม่สวยนู่นแน่ ต้องใช้เวลาเป็น 10-20 ปี กว่าความชราจะมาเยือน หรือจะมาพรากความงามของใบหน้าไปจากพวกเค้า
           ตอนนี้ใครที่ยังสวยและยังหล่ออยู่จึงชะล่าใจได้หน่อย กระนั้นอย่าลืมหมั่นส่องกระจกดูตัวเองบ่อยๆ ละกัน เผื่อเมื่อไหร่หน้าตาเปลี่ยนไปในทางร่วงโรยจะได้บำรุงบำเรอตัวเองได้ทันไงจ๊ะ
2. เมื่อแฟนทำให้ผิดหวัง
          เพราะทุกคนชอบตั้งความหวังไว้ที่คนรัก เช่น หวังว่าแฟนจะเป็นคนโรแมนติก แต่ที่ไหนได้ เค้าไม่โรกะติกอะไรกะคุณเอาซะเลย แถมยังเป็นคนเฉยเมย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์และความรู้สึกซะด้วยซ้ำ ไม่งั้นก็หวังว่าแฟนจะเป็นคนช่างเอาอกเอาใจ แต่การเอาใจใส่ของเค้าไหงมีเฉพาะช่วงเริ่มต้น "ก่อร่างสร้างรัก" ก็ไม่รู้ เมื่อเป็นงี้พอเวลาผ่านไป 5 ปี 10 ปี เค้าจึงไม่ค่อยเอาใจคุณเหมือนอย่างเดิม ก็เริ่มผิดหวังแล้วเห็นมะ แล้วเมื่อคนเราพกเอาความผิดหวังเก็บไว้กะตัวมากๆ เข้า ก็ย่อมเป็นเหตุทำให้ความรักถดถอยไงเล่า โอ๊ย รู้งี้ อย่าไปตั้งความหวังอะไรกะคนรักซะก็สิ้นเรื่อง...ว่าแต่ ใครจะทำได้เนอะ
3. เมื่อหึงมากเกินไป ก็เป็นอาการไม่งามที่ทำให้แฟนหน่ายได้เหมือนกัน
          ลองคิดดูถ้าคุณรักเค้ามาก จนมัวแต่ตามหึงหวงไม่ยอมให้แฟนได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนต่างเพศ หรือแม้แต่เพื่อนฝูงซะบ้างเลย แล้วใครที่ไหนจะปลาบปลื้มกับการเป็นแฟนของคุณล่ะเจ้าคะ! แม้จริงอยู่ที่ว่า ความรักกับความห่วงหวงน่ะเป็นของคู่กัน แต่ควรแยกแยะความรักกับอาการหึงหวง ที่มักแสดงออกด้วยสายตาอาฆาตให้ออกจากกันโดยเด็ดขาดซะก่อนดีกว่า จะได้ไม่หึงปึงปังกันทีหลัง โอ๊ย มันน่าเวียนหัวจะตายไป งั้นเอางี้ดีมะ หึงแต่พองามเถอะนะที่รัก!
4. เมื่อเจ้าชู้ซะจนรับไม่ได้
           เป็นใครจะทนไหวล่ะฮะ ถ้าเผื่อมีแฟนเจ้าชู้ เที่ยวเร่ขายขนมจีบใครต่อใครดะไปทั่วน่ะ ซึ่งพวกทำตัวเจ้าชู้นี่ก็เหลือเกิน ทำไมรึจ๊ะมีแฟนคนเดียวมันจะตายรึไง?   ถึงต้องเที่ยวไปตามจีบคนโน้นที คนนี้ด้วย เนี่ยละนา เพราะมีนิสัยไม่รักเดียวใจเดียว แต่เที่ยวแจกรักไปเรื่อยๆ นี่แหละ จึงเป็นที่มาของอาการหมดรักได้ง่ายที่ซู้ด อ่ะเพราะใครอยากมีแฟนเจ้าชู้มั่ง? เชื่อดิไม่มีหรอก แม้แต่คนเจ้าชู้เองก็ไม่อยากมีแฟนเป็นแบบตัวเอง ใช่มะ... โอ๊ย อย่าทำเป็นส่ายหน้าไม่ยอมรับความจริง...เชอะ
5. เมื่อโดนโกหกบ่อยๆ ย่อมเข็ดกันบ้างสิยะ
           อื้อ ขืนมีแฟนขี้จุ๊ แบบช่างโกหกตลบตะแลงนี่ก็น่าเลิกยุ่งกับเค้าเหมือนกันนะ แหมจะคบกันแบบจริงใจไม่ได้หรือจ๊ะ ทำไมต้องโกหกกันด้วย! ใครเกิดมีแฟนเป็นคนช่างมุสาวาจา แล้วจะไปมีความสุขได้ไงกัน เพราะวันๆ เค้าต้องคอย "ปั้นน้ำเป็นตัว"  แล้วว่า วันนี้จะพูดปดกะแฟนว่าอะไรดี โอ๊ย เป็นงี้แล้วจะอยู่ด้วยกันยังไงไหว จะให้ "ทน" อยู่แล้วเดี๋ยวก็ชินกันไปเองน่ะรึ เฮ้ย...ไม่เล่นด้วย หรอกนะ

6. เมื่อแฟนติดการพนันซะจนงอมแงม
           ขืนใครมีแฟนชอบเล่นการพนันมั่กมาก แบบว่าติดหนึบเล่นหวย, เล่นม้า, เล่นพนันบอล ฯลฯ แถมวันๆ ยังหายใจเข้าออกเป็นการพนันละก็ ท่านว่าดวงในเรื่องการมีคู่จะสั่นไหวก็คราวนี้แหละ เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะพวกบ้าการพนันน่ะ มักทุ่มเทเงินทองไปกับสิ่งเหล่านี้ซะจนหน้ามืดตามัวน่ะเซ่ แถมเผลอๆ ใช้เงินตัวเองยังไม่พอบางรายคิดเอาเงินในส่วนของแฟนไปถลุงด้วยนี่สิ ว้าย...แล้วใครจะทนไหวว้า ยิ่งพวกนี้ยิ่งชอบเล่นเสียมากกว่าจะได้ตังค์กลับคืนด้วยดิ่ เฮ่อ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม
7. เมื่อโดนแฟนใช้กำลังทำร้ายร่างกาย
           หากใครโดนแฟนใช้กำลังทำร้ายเอาละก็ อย่าไปทนเป็นกระสอบทรายให้เค้าซ้อมเชียวนะ การทำเช่นนี้แสดงถึงความถ่อย เถื่อน ที่ไม่ว่าใครก็รับไม่ได้ทั้งนั้นแหละ โถ มีแต่คนรักกันเค้าจะทะนุถนอมทั้งน้ำใจและทั้งเรือนร่างให้แก่กัน แต่ไอ้นี่ดันมือไว ทีนไว มิน่าถึงได้ทำให้หมดรักกันเร็วก็เงี้ยะ
            ทั้งหมดล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้รักโรยราไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งคู่รักคู่ไหนเมื่อทราบแล้ว ก็อย่าเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านี้เลยนะฮ้า จะได้ครองรักครองเรือนกันไปนานๆ โถ รักกันนานๆน่ะ ไม่ผิดกติกาสากลอะไรหรอกจ้า แถมมีแต่ใครๆ อยากเชียร์ ให้เป็นคู่กันตลอดกาลด้วยซ้ำ เอ้า...งั้นวันนี้คุณแจกจุ๊บจุ๊บแฟนรึยังจ๊ะ แล้วอย่าลืมหยอดคำหวานพูดภาษาดอกไม้ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

จุดธูป บรรเทากรรมความรัก



ก่อนหน้านี้ เคยฟัง น้องคนนึง ที่มาปรึกษาเรื่องความรัก  คุยกันไปคุยกันมา  ก็มาถึงเรื่อง ของกรรม ที่ว่า ไม่รู้ทำกรรมอะไรมานักหนา  ทั้งๆที่ก็มั่นใจว่าเรา(น้อง) ทำดีที่สุดทุกอย่างแล้ว ชนิดที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะดีได้ แต่ก็ไม่วาย ต้องเลิกรา กับแฟนคนแล้วคนเล่า จนเหนื่อยใจ กับความรักปัจจุบันก็ยังทำท่า จะล่ม อีกต่างหาก 
น้องคนนั้น บอกว่า เคยอ่านเจอ เรื่อง ที่ ชาคริต จุดธูปกลางแจ้ง อธิษฐานขอขมากรรม ทำให้ได้มาเจอวุ้นเส้น  ที่ใครๆก็เห็นว่าทั้งคู่หวานกันรักกันขนาดไหน ….  น้อง เอ่ย เสียดาย ที่ตอนนั้นอ่านผ่านๆ เลยจำไม่ได้ ว่า ธูปกี่ดอก และ จุดตอนไหนยังไง …..
วันนี้  นึกขึ้นได้ ก็ เลยไปหาข้อมูลมาค่ะ
 จุดธูป

ขั้นตอน คือ ให้คุณ  จุดธูป 16 ดอก  ในกลางคืนวันพฤหัส กลางแจ้ง   แล้วอธิษฐานขอขมาศีลข้อ 3  ค่ะ  ดังนี้  

“ ตั้งแต่เกิดมา ข้าพเจ้าไร้คู่ ข้าพเจ้าหาคู่ไม่ได้ อาจจะมีกรรมบางอย่างที่ทำให้ข้าพเจ้านั่นถูกปิดบัง ถูกซ่อนเร้น ถูกซึ่งการบังตา ทั้งตัวข้าพเจ้าและคู่ของข้าพเจ้า… ข้าพเจ้านั้นได้เกิดมาหลายชาติแล้ว และก็มีคู่มาหลายครั้งแล้ว หากสิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นผลจาก การที่ ข้าพเจ้า เคย ล่วงเกิน ทำผิดศีลข้อ 3 คือการไม่ประพฤติผิดในกาม มาแต่หนใด ทั้งในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติ ทั้งตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี บัดนี้ ข้าพเจ้าได้สำนึกผิดแล้ว ข้าพเจ้าขอขมา ขออโหสิกรรม ในสิ่งที่ข้าพเจ้า ได้ล่วงเกิน ไว้ ณ โอกาสบัดนี้   ขอให้นับตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าได้กล่าว คำขอขมา ขออโหสิกรรมนี้  ขอให้คู่ของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นคู่จริง ๆ ได้มาบังเกิดแก่ข้าพเจ้าในบัดนี้เทอญ ขอให้เปิดทั้งฟ้า ขอให้เปิดทั้งดิน ขอให้คู่ของข้าพเจ้าได้มาบังเกิดพบเจอกับข้าพเจ้าแบบบุพเพสันนิวาส อย่าให้มีอันได้แคล้ว อย่าให้มีอันได้คลาด อย่าให้มีอันได้จากกัน ”

คำกล่าว ขอขมา และ อธิษฐาน … อาจดัดแปลงได้ ตามแต่บุคคลนะคะ

ท่านที่ ล้มเหลวในความรัก ท่านที่ อยากมีรักแต่ไม่มี หรือเป็นคนไร้คู่ ลองทำดูนะคะ ได้ผลเป็นอย่างไร อย่าลืม ย้อนกลับมาแจ้งกันด้วย เด้อ …. ^^
ขอให้ ทุกท่าน มีความสุขกับความรักนะคะหัวใจสีแดง

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เมื่อไม่ได้เป็นที่ หนึ่ง ในใจเขา

การไม่ได้เป็นที่ "หนึ่ง" ในใจคนที่เรารักนั้น
ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสมอไป
การเป็นที่สอง ในใจเขานั้น ย่อมดีกว่าการเป็นที่สาม ที่สี่



หรือถึงแม้ว่า . . . เราจะเป็นที่สุดท้าย
แต่มันก็ยังดีกว่า การที่เราไม่ได้อยู่ในใจเขาคนนั้นเลยไม่ใช่หรือ


จงยิ้มให้ความรัก และ รักต่อไปเถอะ
แม้ว่า . . . รักนั้นอาจไม่ใช่ที่หนึ่ง
จนกว่าที่เรา จะบอกกับตัวเองว่า . . .
"เราทนอีกต่อไป ไม่ได้แล้ว
เราเหนื่อยกับรัก ที่เป็นเช่นนี้เหลือเกิน"

การรักใครสักคนนั้น . . .
ง่ายกว่าการตัดใจ จากใครสักคนนัก
การสบตา จากใครสักคนนั้น . . .
ย่อมมีความสุข กว่าการหลบตาใครสักคน เป็นแน่แท้
จะมีสักกี่คน ที่สามารถทำให้เรายิ้มได้ . . . . . .อย่างสุดหัวใจ และเศร้าได้อย่างสุดหัวใจ

อย่า . . . โทษเขา ที่ไม่ได้รักเรา
อย่า . . . โทษพรหมลิขิตที่ทำให้เราเจอกัน แต่ไม่ได้ทำให้เรารักกัน
อย่า . . . โทษหัวใจตัวเองที่ไปรักเขา
อย่า . . . โทษกาลเวลาที่ทำให้เราเจอกันช้าไป

จงมีความสุข และยิ้มให้กับสิ่งต่าง ๆ เถอะ
ยิ้มให้กับคนที่เขาไม่รักเรา . . . เพราะอย่างน้อยเขาก็คือ คนที่ได้รับความรักจากเรา


ยิ้มให้กับพรหมลิขิต ที่ทำให้เราเจอกันถึงแม้เราจะไม่ได้รักกัน. . . เพราะอย่างน้อยพรมลิขิต ก็ยังได้ทำให้เราได้รู้จักกัน


ยิ้มให้กับหัวใจตัวเอง ที่ไปรักเขา . . .เพราะอย่างน้อยหัวใจของเรา ก็ยังได้เรียนรู้กับความรัก

ยิ้มให้กับกาลเวลา ที่ทำให้เราเจอกันช้าไป. . .เพราะอย่างน้อย ก็ยังทำให้เราได้เจอกัน

เราควรดีใจไม่ใช่หรือ ที่อย่างน้อยเรายังยิ้มให้กับคนที่เรารักได้

ที่มา…www.sanook.com