สามารถ ดู "บทความที่ได้รับความนิยม 10 อันดับ

จาก ลิงค์ ส่วนล่างของหน้าบทความนี้ ค่ะ



หากบทความเหล่านี้ มีประโยชน์ อ่านแล้ว ชอบ อยากให้กำลังใจ เจ้าของบล็อก

สามารถทำได้เพียง กดแบ่งปัน ไปตาม google + หรือ facebook หรือ twiter

ขอบคุณค่ะ

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

น้อยใจแฟน โทรไป ไม่ค่อยรับ

 

ถาม.

ทุกวันนี้ชอบน้อยใจแฟน เวลาเราว่างlineไปหรือโทรไปไม่รับไม่โทรกลับ แต่หนูไม่โทรจิกไม่อาละวาดโวยวายนะค่ะ แต่หนูจะเสียใจเสมอๆ เป็นแบบนี้วนเวียน เป็นแบบนี้ทุกอาทิตย์ เคยนั่งพูดกันเพื่อแก้ปัญหาแต่หนูก็ยังน้อยใจอยู่ดีวนกลับมาเป็นเหมือนเดิม
เขาจะยุ่งตลอดเวลา ถามว่าเราเคยยุ่งไหม เราก็เคย แต่พยายามแล้วหนูไม่ได้ขอให้โทรมาทุกชม.เมสเสจมาวันละ3ครั้ง ไม่ต้องหาประเด็นคุยเป็นชั่วโมง แค่บอกว่าถึงแล้วบางทีเค้าหายไปนานมากจากชีวิต หนูก็รู้สึกว่าเอาอีกแล้ว ไม่รู้ทำยังไง
ถามว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันคงเป็นกรรมเก่าที่หนูเคยทำไว้ ถึงทำให้เรื่องแค่นี้หนูเป็นทุกข์เพราะเมื่อก่อนหนูเคยเจ้าชู้มากมีแต่คนตามเรา เค้าโทรมาเราก็ไม่รับบางทีก็ไม่โทรกลับ เหงาค่อยโทรหา
ตอนนี้สิ่งที่ดีที่สุดที่พอคิดได้คือไม่โทรไปหา เท่าที่จำเป็น แค่บอกว่าถึงแล้ว คิดว่าอย่างนี้หนูปวดใจน้อยกว่าที่โทรไปบ้าบอคนเดียว เหมือนคอยจิกตามเค้า ไม่โทรและไม่หวังให้เค้าโทรดีกว่า
อ่านดูแล้ว สิ่งที่หนูรู้สึกมันไม่ใช่เรารักเค้าแต่เรารักตัวเอง แต่ก็อยากมีเค้าอยากมีคนเห็นความสำคัญของเรา ทำดีเพื่อให้เค้าเห็นว่าเราสำคัญแล้วไงต่อคะ ถ้าเป็นแบบนี้แล้วยังไงต่อดี ไปไม่ถูกค่ะ
หนูคิดว่าเราสมกันกันมีจุดหมายเหมือนกันชอบธรรมะทำบุญด้วยกัน หนูคิดว่าเรารักเค้าคนนี้ เป็นคนที่เราพร้อมจะเดินไปกับเค้า แต่สิ่งที่เป็นปัญหาของหนู ที่หนูทำอยู่มันเหมือนไม่ใช่รักเค้า เหมือนรักตัวเองและไปยึดเค้าไว้ว่าเป็นของเรา หนูรู้สึกแบบนี้แปลว่าไม่ได้รักใช่มั้ย ไม่รักแล้วต้องทำยังแล้วต้องเดินต่อยังไงค่ะ?

 


ตอบ.

มันต้องเป็นกรรมแน่ๆค่ะที่ต้องเจอใครที่เป็นแบบไหน และคนที่ทำกรรมมาก็คือเรา จะแก้ความทุกข์นี้ก็ต้องแก้ที่ตัวเรา
เพราะถ้าไม่แก้ที่ตัวเรา กรรมเก่าก็ไม่ได้ใช้ กรรมใหม่ก็สร้าง(ตัดพ้อ งอแง ทำให้เค้าอึดอัด)แล้วเมื่อไหร่กรรมจะหมด? กรรมไม่หมดก็ทุกข์ไปเรื่อยๆ ไม่พยายามตอนนี้ ต่อไปก็ยิ่งแก้ตัวเองยากขึ้น แล้วก็จะยิ่งทุกข์ยิ่งเบื่อตัวเองมากขึ้นๆๆๆ
กรรมจะหมดเมื่อเราเปลี่ยนนิสัย(ญไม่ได้เข้าข้างแฟนคุณนะคะ แต่เรื่องของกรรมมันต้องแก้ที่ตัวเราเองจริงๆ)
ลองถามตัวเองดูว่า ทำไมติดต่อไม่ได้ถึงเสียใจ?
ถ้าเสียใจเพราะรู้สึกว่าเขาไม่รัก ลองมองภาพรวมกว้างๆว่าเค้าไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นให้รู้สึกว่ารักเลยหรือเปล่า? หรือแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว แล้วเราไม่พอใจเราก็ด่วนสรุปเลย?
ถ้าเสียใจเพราะเป็นห่วงที่หายไป แต่สุดท้ายเค้าไม่ได้เป็นอะไร แต่เราไปโกรธนี่เรากำลังหวังดี?
แล้วเสียใจไม่พอ ทำไมต้องโกรธ?
แล้วโกรธแล้วช่วยให้อะไรดีขึ้นไหม?
หรือมีวิธีที่ดีกว่านี้?


เราอยากติดต่อเพราะอะไร? เพราะเหงา?-> มีวิธีแก้เหงาด้วยตัวเองไหม? ถ้าเหงาแล้วต้องมีแฟนช่วยคลายเหงาอย่างเดียว มันเป็นไปได้ไหม? ใครสามารถมีเวลาให้เราได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมงไหม? มันจำเป็นมากไหมที่คู่ชีวิตเราจะต้องเป็นเพื่อนแก้เหงาเรา คุณสมบัติข้อนี้จำเป็นสุดๆเลยไหม?
ค่อยๆสอนตัวเอง ด้วยเหตุผล ถามตัวเองบ่อยๆ ถ้าเราเปลี่ยนวิธีคิด เราก็จะค่อยๆเปลี่ยนการกระทำ คำพูด แล้วนิสัยเราก็จะค่อยๆเปลี่ยน พอนิสัยเราเปลี่ยน พฤติกรรมตอบกับอีกฝ่ายเปลี่ยนไป อีกฝ่ายก็จะตอบกลับเราเปลี่ยนไปเช่นกัน(คงเป็นไปไม่ได้ที่แฟนคุณจะรำคาญที่คุณทำตัวดี พูดจาน่ารักใช่ไหมคะ?)
วิธีเปลี่ยนนิสัยไม่มีวิธีอื่นนอกจากการเห็นโทษของมัน คุณเองก็ก้าวก้าวแรกมาแล้ว
ก้าวถัดมาก็ดูใจ ฝึกสติให้ตัวเองเท่าทันอารมณ์บ่อยๆ
"ขั้นแรกที่ต้องทำให้ได้ก่อนเลย" เวลาโกรธ เราจะไม่พูดเด็ดขาด ตอนใจทุกข์นี่พูดอะไรดีๆไม่ได้หรอกนะคะ พยายามยังไงคนฟังก็รู้สึกได้ เมื่ออีกฝ่ายสัมผัสความทุกข์ได้ เขาก็อยู่กับเราอย่างไม่มีความสุข เมื่อไม่มีความสุขก็เป็นธรรมดาที่จะไม่ค่อยอยากอยู่ด้วย
ดังนั้นเวลาน้อยใจ โกรธ ให้อยู่กับตัวเองก่อน แล้วถามตัวเองแบบที่ญแนะนำไปนี่แหละ แรกๆใจมันจะดิ้นพล่านๆ ทรมานแทบตายเลย(จากประสบการณ์) เพราะของเดิมเราสะสมการทำตามใจตัวเองมาแบบนี้ แต่เรามีเป้าหมายไว้ก่อน เราทำเพราะอยากให้ผู้อื่นมีความสุข เราจะไม่เอาความทุกข์ของเราไปโยนให้เป็นภาระของคนที่เราบอกว่ารัก คนทุกข์หนึ่งคนก็มากพอแล้ว จะไม่เพิ่มคนทุกข์(แล้วคนๆนั้นก็เป็นคนที่เราเรารักด้วย)อีกคน


รักก็คือรัก ใครจะไม่รัก เค้าจะดัดนิสัย. จะลืมจะอะไรก็เป็นส่วนของเขา เราสร้างนิสัยที่จะรักคนอื่นให้เป็น รักด้วยความเข้าใจ รักคือการให้ อันนี้เป็นกรรมใหม่ ถ้าคุณเชื่อว่าคุณเจอแบบนี้เพราะเคยทำมา คุณก็ต้องเชื่อว่าเมื่อคุณเปลี่ยนนิสัยแล้ว กรรมดีที่คุณทำก็จะทำให้คุณได้อยู่กับคนที่เป็นแบบเดียวกัน
อย่างน้อยความทุกข์ในปัจจุบันก็ฟ้องอยู่ว่าที่ทำมาแบบเดิมมันผิดเลยไม่สบายใจ
ลองเปลี่ยนแนวใหม่ แล้วจะค่อยๆสบายใจ และมีความสุข
แรกๆใจจะดิ้นเพราะนิสัยเดิม แต่ต่อมาความตั้งใจที่จะไม่ทำให้อีกฝ่ายทุกข์จะทำให้ใจเราสงบขึ้นๆ พอใจสงบแล้วเราก็จะเกิดปัญญาคิดได้แบบที่ญให้ตั้งคำถามตัวเอง
ฝึกบ่อยๆๆๆ เท่ากับได้ใช้กรรมเก่าไปด้วย ได้สร้างกรรมใหม่ที่ดีไปด้วย:)


แนะนำลองอ่านบทความ "รักแบบไม่ตั้งใจ"
http://www.sangtean.com/love/love-articles/306-not-intend-to-love
วิธีที่อธิบายมาทั้งหมดเป็นวิธีที่ทำให้มีคนรักที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข ไม่ต้องพยายามอีกต่อไป(จะพบได้หลังจากเราพยายามเปลี่ยนนิสัยแล้ว อ้อ อันนี้อาจารย์ญแนะนำมาอีกที คืออาจารย์ญเจอคู่รักที่เป็นคู่บุญได้เพราะเค้าได้ช่วยคนให้พ้นทุกข์เรื่องความรักมา ญว่ามันเป็นเหตุที่ทำให้อาจารยญรักคนอื่นเป็น และรักเป็นแล้ว ให้ความรักคนอื่นเป็นแล้ว คนรักที่พร้อมจะรักเราจึงจะมานะ เหตุมาก่อนจึงจะมีผล)


ยากหน่อย แต่ถ้าอยากมีความสุขก็ต้องพยายามค่ะ^^ ถ้าเคยอ่านหนังสือเหตุเกิดจากความรักแล้วน่าจะเข้าใจอะไรมากขึ้น)

 

 

ที่มา เหตุเกิดจากความรัก fanpage

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

" สามีมีผู้หญิงอื่น ตัดใจอย่างไร " - ปรึกษาปัญหา กับ พระไพศาล วิสาโล


ปุจฉา - พระอาจารย์ค่ะ  ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรจึงจะตัดใจ ตัดกรรมได้เร็ว เพราะมีความทุกข์เหลือเกิน เกี่ยวกับสิ่งที่มารบกวนจิตใจตลอดเวลา เนื่องจากสามีไปมีผู้หญิงคนอื่น  และดิฉันต้องการจะตัดใจและตัดขาดให้ออกไปจากใจ ทั้ง ๆ ที่ พยายามสวดมนต์และแผ่เมตตาให้เขาทุกวัน แต่จิตใจก็ยังไม่สงบซะที  จิตใจมักจะฟุ้งซ่านมาก ควรปฏิบัติเช่นไร จะได้พ้นจากทุกข์ทรมานนี้

 

เพียงเพราะรัก


พระไพศาล วิสาโล – คุณ ยังตัดใจเรื่องสามีนอกใจไม่ได้ คงเป็นเพราะเหตุการณ์ดังกล่าว กระแทกอัตตาของคุณอย่างแรง การที่สามีไปมีผู้หญิงอื่นทำให้คุณรู้สึกว่าคุณไม่มีความหมาย ไร้คุณค่า  ยิ่งคุณรู้สึกยึดมั่นใน “ตัวกู” มากเท่าไร ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกดูถูกเหยียดหยามมากเท่านั้น  ขณะเดียวกันหากคุณยึดมั่นว่าสามีเป็น “ของกู” ก็จะยิ่งโกรธที่เขาถูกแย่งไปจากคุณ  อาตมาอยากให้คุณพิจารณาให้ดี ๆ  ว่า ความรู้สึกที่รบกวนจิตใจของคุณ  เกิดจากอะไรแน่ ถึงที่สุดแล้ว มันก็ไม่หนีไปจากความยึดติดถือมั่นในตัวกูของกูนั่นเอง

ความยึดติดถือมั่นนี้แหละ ที่เป็นตัวการสร้างความทุกข์แก่เราอย่างแท้จริง  และนำไปสู่การซ้ำเติมตัวเอง  เพราะแทนที่จะเสียของรัก  เช่น สามี ทรัพย์สมบัติ  ก็เสียความสุขซ้ำเข้าไปด้วย  ไหน ๆ จะเสีย ก็ขอให้เสียอย่างเดียวก็พอ ไม่ควรเสียใจซ้ำอีก

หากคุณทุกข์ใจเพราะรู้สึกว่า ได้สูญเสีย “ของกู” ก็ลองใคร่ครวญอย่างจริงจังว่า สามีนั้นเป็นของคุณจริงหรือ คุณสามารถครอบครองเขาได้จริงหรือ  หรือว่าเขาเพียงแต่ผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ เพียงเพื่อจะจากไปในที่สุด ไม่มีทางที่คุณจะยึดเป็นของคุณได้เลยแม้แต่นาทีเดียว

หากคุณเจ็บปวด เพราะรู้สึกว่าตัวคุณไร้คุณค่า หรือถูกดูถูกเหยียดหยาม  ก็ลองใคร่ครวญดูว่า คุณค่าที่แท้ของคุณนั้นอยู่ที่ตัวคุณเอง อยู่ที่การกระทำและภาวะภายในของคุณ  หาได้อยู่ที่สายตาของคนอื่นไม่ การที่เขาทิ้งคุณไปไม่ได้ทำให้คุณค่าของคุณ ลดน้อยถอยลงเลย คนที่จะลดทอนคุณค่าของตัวคุณได้ มีคนเดียวเท่านั้น คือคุณเอง อย่างที่มีคำพูดว่า “ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว”

จะว่าไปแล้ว ดังที่อาตมาได้กล่าวถึงข้างต้น  ความยึดมั่นในตัวกู สามารถทำให้คุณทุกข์ได้ เพราะตัวกูนั้นอยากให้คนรัก คนชื่นชม คนสรรเสริญ  พอมีใครรัก ตัวกูก็พองโต แต่พอเขาคลายความรัก หรือตีจาก ตัวกูก็แฟบเหี่ยว รู้สึกโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ตัวกูอย่างนี้เป็นกิเลสที่ชื่อ "มานะ" เป็นตัวการใหญ่ที่ก่อทุกข์  หากไม่อยากทุกข์ ก็อย่าให้กิเลสตัวนี้ครองใจ เพราะมันจะทำให้คุณคอยแสวงหาคำชื่นชม และความรักมาปรนเปรอตน จนถึงขั้นเสพติดหรือเป็นทาสมัน พอขาดมันเมื่อไหร่ก็ทุรนทุราย  เหมือนคนติดยาที่ไม่มียาให้เสพ  นั่นไม่ใช่หนทางแห่งความสุขที่แท้จริง
อาตมาขอแนะนำ ให้คุณลองมองเหตุการณ์นี้ในมุมใหม่ว่า  การที่สามีทิ้งคุณไปนั้น  เป็นการฝึกให้คุณ รู้จักพึ่งพาตน และกลับมาเห็นคุณค่าของตนเอง  ไม่เอาความสุขไปผูกติดกับคนอื่น  ช่วยให้คุณเป็นอิสระอย่างแท้จริง  อีกทั้งยังทำให้คุณได้เห็นถึง โทษของความยึดมั่นในตัวกูของกู และกระตุ้นให้คุณ คลายความยึดมั่นดังกล่าวลง

 

ที่มาเนื้อหา พระไพศาล วิสาโล - Phra Paisal Visalo

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ครูอ้อย ตอบจดหมายคนอกหัก

ถึงคุณฐิตินาถ ณ พัทลุง 

หลายวันมานี้หนูเศร้าๆมากๆเพราะหนูเพิ่งเลิกกับแฟนซึ่งเป็นรักสามเศร้า เรื่องยาวและหนูเจ็บมากๆจนต้องโทรไปหาครอบครัวซึ่งหนูไม่ว่าจะมีปัญหาความรักยังไงก็ไม่เคยโทรไปหา
หนูนอนร้องไห้ก่อนหน้านี้ ไม่ถึงชั่วโมงจนต้องเอาหนังสือเข็มทิศชีวิตของคุณฐิตินาถมาอ่านเพราะไม่หลับซะที ต้องเกริ่นเลยหนูเคยอ่านเข็มทิศชีวิตมาบ้างแล้วหลายตอนเพราะป้าหนูชอบอ่านมากๆ แต่เล่มนี้ตอนที่ 3 กฎแห่งความสุข ตรงกับปัญหาที่หนูเจออยู่ตอนนี้มากๆเลยคะ หนูควรดำเนินชีวิตต่อไปยังไงดี

เพียงเพราะรัก
เพียงเพราะรัก


ตอบ

ควรดำเนินชีวิตต่อไปอย่างมีความสุขที่สุด

เวลาที่คนทิ้งคุณไป ไม่ว่าจะเป็นบริษัท เจ้านาย แฟน เพื่อน ลูกน้อง ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ทางเลือกที่ดีที่สุดของคุณคือ มีชีวิตต่อไปให้ยอดเยี่ยมที่สุดค่ะ
ถ้าคุณนั่งโกรธแค้น ชีวิตจะตกตำ่ลงเพราะมัวใช้พลังงานกับความโกรธ
การให้อภัยเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมที่สุดเสมอ เพราะ ความโกรธนั้น เวลาผุดขึ้นมาในใจ นักวิทยาศาสตร์ทางจิตพบว่า มนุษย์ใช้พลังงานเยอะมาก ในการควบคุมดูแลความโกรธ ไม่ว่าจะกดข่ม หรือแสดงออกไป
การให้อภัยไม่ใช่เพื่อเขาแต่เพื่อเรา ขอบคุณที่เขาแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมา เราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาในชีวิตต่อไปอีกเรื่อยๆจำไว้ว่าเกิดอะไรขึ้นมา อันดับแรกให้ยิ้ม ยิ้มด้วยความรู้สึกว่า เราเป็นผู้รับผิดชอบในการทำให้สถาณะการณ์ดีขึ้นได้ อย่างน้อยที่สุดคือ ความรู้สึกของเราสามารถดีขึ้นได้เลยทันที
คนมากมายเคยรู้ว่า พอมันผ่านไปแล้วเราจะหัวเราะกับมัน แต่ครูอ้อยพบว่าจะรอทำไม ยิ้ม หัวเราะตอนนี้เลยสิ เพราะตอนนี้คือเวลาสำคัญที่สุดที่เราต้องการ การยิ้ม
ทันทีที่คนยิ้ม โลกแจ่มใส สารเคมีดีดีหลั่ง ตาสว่าง มองเห็นประตูทางออก เงื่อนไขดีดีในชีวิตปรากฏขึ้นมากมาย
อย่าทำให้เขาคิดถูกที่ทิ้งคุณไปช่วยพิสูจน์ว่าเขาคิดผิด ตัดสินใจผิด ประเมินคุณผิด ด้วยการมีชีวิตที่ยอดเยี่ยมมีความสุขทุกวัน
แบบที่ภาษาวัยรุ่นบอกว่า จะไปไม่ว่าแต่จะกลับมาช่วยรับบัตรคิว
ทัศนคติท่าที ที่คุณมีจะกำหนดผลลัพธ์ในชีวิตของคุณ ลองคิดดูว่า ผู้หญิงคนแรก แฟนทิ้งตกงาน เจ้าหนี้ทวง เขาคิดว่าชีวิตจบกันแล้ว
ส่วนคนที่สอง มองว่าเป็นโอกาสในการเริ่มต้น การออกจากงานเป็นโอกาสให้ได้เริ่มสร้างงานธุรกิจที่ตัวเองรัก แต่ที่ผ่านมาไม่กล้าลาออกเพราะเงินเดือนก็ดี ไม่กล้าเลิกกับแฟนที่นอกใจบ่อยๆเพราะกลัวต้องอยู่คนเดียว ไม่กล้าจัดการขายทิ้งทรัพย์สินที่ไม่จำเป็นในชีวิต พอเจอปัญหา เลยได้สะสางสิ่งที่ไม่ดีไม่เป็นประโยชน์ในชีวิตออกไปอย่างแท้จริง
คุณคิดว่า คนที่หนึ่งและสอง ที่เจอสถาณะการณ์เหมือนกัน ด้วยมุมมองที่ต่างกัน ถ้าปัจจัยแวดล้อมเสมอกัน ชีวิตใครจะมีความสุขกว่า ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า
แน่นอนว่าคนที่สองจะมีความสุข ตอนนี้ทันที
คนมีปัญญาจะรู้ดีว่าเราต้องสามารถมีความสุขได้จากในตัวเอง ในเวลาที่ทุกอย่างอาจดูยาก เมื่อเราสามารถมีความสุขสงบเบิกบานได้ สิ่งดีดี คนดีดี จึงจะปรากฏตัวขึ้นในชีวิต เพราะเราจะมีความสามรถในการมองเห็นเขาทันที
สิ่งที่ดูเหมือนปัญหา ที่จริงแล้วมีโอกาสมีแง่มุมที่ดีเป็นประโยชน์ในชีวิตอยู่มากมาย
หลายครั้งในชีวิตที่สิ่งที่ค่อนข้างดี ดึงเราไว้จากสิ่งที่ดีที่สุด
โลกส่งโจทย์มาเพื่อให้เราเคลื่อนไปยังจุดที่ดีที่สุดเสมอ แค่เราเรียนรู้และมองให้ออก เปิดตามองดูสิ่งดีดีในชีวิตที่อยู่รอบตัวเรา
สถาณการณ์ในชีวิต มันไม่ได้ดีหรือไม่ดีในตัวของมันเอง ความโชคดี ได้ลาภ ถ้าเราปฏิบัติกับมันไม่ถูกต้องก็อาจกลายเป็นผลลบกับชีวิตได้ ความท้าทายความยาก ถ้าเราปฏิบัติตัววางใจอย่างถูกต้อง จะกลายเป็นสิ่งดีที่ทำให้ชีวิตของเรายกระดับขึ้นได้ทันทีทั้งด้านความคิด ความรู้สึก การเงิน จิตวิญญาณ
ในตอนนี้ คุณต้องลุกขึ้นมาทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ เพิ่มทักษะในการทำงาน ครูพบว่าคนในยุคนี้จำนวนมาก ไม่มีทักษะ Skill เฉพาะ ที่เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะตัว
พอถามว่ารักอะไรชอบทำอะไร ทำอะไรได้เก่งดีก็ไม่รู้ อยากเปิดร้านอาหารก็ทำอาหารไม่เป็น อยากเป็นโน่นเป็นนี่ก็ไม่มีความเชี่ยวชาญ ไม่มีจุดแข็งเฉพาะตัว
ตอนนี้ครูอ้อย สอนให้คนลองมองให้เห็นว่า เรามีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางอะไรที่เราทำเก่งเป็นธรรมชาติ เป็นพรสวรรค์ สองอะไรที่เราสนใจทำให้เราตื่นเต้น อยากตื่นขึ้นมาทำทุกวัน สามอะไรที่เป็นสไตล์ เป็นบุคลิคเป็นความชอบของเรา จุดที่สามเรื่องนี้บรรจบกันคือจุดที่เราแข็งแรงและทำได้ดีที่สุด เมื่อเราเลือกมาทำเราจะประสบความสำเร็จในชีวิต มีความสุขในการได้ตื่นขึ้นมาทำทุกวัน
การอกหักเป็นสัญญาณบอกอันหนึ่งว่า ที่ผ่านมาคุณยังไม่ได้พบ Passion สิ่งที่คุณรักมีความสุข มีชีวิตร่าเริง ดูแลมิติด้านต่างๆในชีวิตได้ดี จนเคารพตัวเอง เคารพคนที่คุณรัก
เลิกกันไปคราวนี้เป็นโอกาส รื้อลิ้นชักเก็บกวาดความรู้สึกในใจ อะไรที่เป้นขยะก็ทิ้งไป อะไรที่เป็นสิ่งดีดี เพื่อนดีดี ความสนใจเรียนรู้เรื่องใหม่ๆจะได้มีพื้นที่ในชีวิต
ลงมือทำ ลงมือเรียนรู้บางอย่าง ทำชีวิตให้ยอดเยี่ยมมหัศจรรย์ เฉลิมฉลองของขวัญในชีวิตใหม่ เริ่มต้นจากจดหมายฉบับนี้ที่ครูอ้อยตอบคุณ และเป็นประโยชน์ให้คนอ่านได้เอาไปบอกเพื่อนที่อาจกำลังอกหัก ผิดหวังตกงานอีกนับไม่ถ้วน ขอบคุณโพสต์ทูเดย์ที่เป็้นสื่อกลาง
ขอให้คุณและคน่านทุกคนมีความสุขมีชีวิตที่อบอุ่นทุกคืนวัน
รักคนทีรักเรา และรักส่งความรู้สึกปรารถนาดีไปยังคนที่ทำร้ายเรา แม้ตอนแรกจะฝืนบ้างเล็กน้อย พลังความเมตตาปรารถนาดีคุ้มครองทุกท่านค่ะ

ด้วยรักและยิ้มแป้น ครูอ้อย ฐิตินาถ ณ พัทลุง


ที่มา แฟนเพจ ครูอ้อย

วันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ความรัก กับ ความอดทน

4hno1

พุทธศาสนา .. สอนอย่างไร กับความรัก...

..คงต้องบอกก่อนว่าไม่มี ศาสนาใดในโลกนี้ ที่จะสอนคนไม่ให้รักกัน..
มิเช่นนั้นมนุษย์โลกคงสูญพันธ์กันหมดโลกแน่ๆ
ถึงตรงนี้.. คงต้องขอใช้คำของหลวงพ่อพุทธทาส
ที่ท่านกล่าวไว้ในหลังสือ คู่มือมนุษย์ ว่า...

...การศึกษาธรรม คือการศึกษาธรรมชาติ...
การเรียนรู้ ธรรมชาติ เหมือนการเรียนรู้ที่จะ
..กินปลา โดยไม่ให้กางปลาแทงปาก..

คือให้รู้จักที่จะรัก ... รู้จักถึงสภาวะ ธรรมชาติ
ตามกฏไตรลักษณ์ คือ อนิจจัง...ทุกขัง ...อนัตตา..
ทุกสิ่งในโลกนี้ ไม่มีสิ่งใดเทียงแท้คงอยู่ตลอดไป (..อนิจจัง..)
ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนแต่เป็นเหตุแห่งทุกข์ (..ทุกขัง..)
ทุกสิ่งในโลกนี้ ล้วนไม่มีสิ่งใด เป็นตัวตนที่แน่นอน (..อนัตตา..)

จนสามารถกล่าวได้ว่า
..สิ่งที่แน่นอนที่สุดในโลกนี้...คือความไม่แน่นอนนั้นเอง...
ดังนั้น พุทธศาสนา จึงสอนเรา ให้รู้ว่า...
...ความรัก เป็นอนิจจัง คือไม่เที่ยงมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา...
...ความรัก เป็นทุกข์..เพราะพอความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
เรารับการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้ ก็ทุกข์...
...ความรัก เป็นอนัตตา คือไม่มีตัวตนที่แน่นอน
เพราะมีการเปลี่ยนแปลงตลอดนั่นเอง...

ยกตัวอย่างเช่น .. เมื่อเราแต่งงาน ..แล้วเกิดการอย่าร้างขึ้น
..สังคมเรียกว่า.. "เป็นหม่าย"..

จิต ย่อมเป็นทุกข์ เกิดความเศร้าเสียใจ เพราะ
รับไม่ได้กับการเปลี่ยนแปลงนั้น เมื่อจิตย่อมรับกับ
สภาวะที่...ไม่มีเขา... อยู่ด้วยแล้ว ..
เมื่อย่อมรับได้
จิตก็เบา สบาย...ความทุกข์ ลดลง..
แต่ สภาวะ "เป็นหม่าย" ก็ยังคงอยู่ ไม่ได้หายไปไหน
แต่ จิตรับการเปลี่ยนแปลงได้ ความทุกข์ก็ลดลง..

นี่ ธรรมะ จึงคือ..ธรรมชาติ เราจะรู้จักหรือไม่..ธรรมะก็มีอยู่
...เกิดขึ้น..ตั้งอยู่...แล้วก็ดับไปเป็นธรรมดา....

วันเสาร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เรามาคนเดียว..

วันหนึ่ง ไปดูดวง กับหลวงตารูปหนึ่ง
และถามหลวงตาว่า
หลวงตาคะ … หนู กับ เขา …ใช่คู่กันมั้ยคะ
หลวงตา ตอบว่า …
คนเราเกิดมาในโลกนี้
เรามาคนเดียว …..
เราก็ต้องไปคนเดียว
เกิดมาในโลกมนุษย์ มีเพื่อนใหม่มากมาย
คิดหรือ ว่าจะมีใครรักเราจริง ไปกับเราได้
ถ้าเรา ไม่รักตัวเอง แล้วใครจะมารัก
หมั่นทำบุญ ปฏิบัติธรรม ของเราไป
อีกหน่อย อะไรๆ มันจะดีขึ้นมาเอง
ด้วยผลบุญที่เราสร้างเราทำ 



คำสอน จาก พระ รูปหนึ่ง เมื่อยามที่ ใจเราท้อแท้ ทุกข์เพราะคนรักหนีหาย..


เรามีความสุข

ยามทุกข์ โทรหา คุณแม่ชีใหญ่ ที่เคารพ
ให้ท่านเมตตาสอน … เตือนสติ
ท่านว่า..


เมื่อคนเขาไม่รักเรา
อยู่กับเรา เค้าไม่มีความสุข
เรามีความสุข เค้าไม่มีความสุข
ก็คือเค้าไม่รักเรา
มันเป็นเพียงวิบากกรรมมาเสวยกันชั่วคราว
ที่ทำให้ มารัก มาหลง กันชั่วคราว แล้วก็ไป
ทุกอย่างเป็นเพียงกรรม
พึงพยายามนั่งสมาธิ แผ่เมตตาให้เขาไป
เมื่อไปแล้วก็ขอให้ไปดี เมื่อไม่ดีก็ให้กลับมา
และยึดพระพุทธเจ้าเป็นที่พึ่ง  

วันศุกร์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เมื่อ … ต้อง ยอมเจ็บ

บางที . . . หัวใจก็ยอมเจ็บ
เพียงแลกกับ ความสุขเล็กๆ . . . มาเก็บไว้
บางที . . . เหนื่อยจนลุกขึ้นไม่ไหว
แต่ก็ยังพอใจ . . . กับสิ่งที่เป็น
บางที . . . แม้จะลำบากยากเข็ญ
แต่ก็ยอมเป็น . . . เบี้ยล่างหัวใจเธอ
อาการแบบนี้ใครไม่เป็น . . . ไม่รู้สึกจริงไหม
มันมีเหตุผลหลายอย่าง
ที่เราจำเป็นต้องหักห้ามใจไม่ให้รักใครสักคน
เหตุผลของคนเราย่อมไม่เหมือนกัน
บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะรู้ตัวว่ามันคงเป็นไปไม่ได้
บางคนอาจต้องห้ามใจ
เพราะกลัวใจตัวเองจะถลำลึกและเจ็บปวดมากไปกว่านี้
บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะมีคนที่รักคนที่เรารักมาก่อน
และคนคนนั้นก็คือคนที่เรารู้จัก
และเราก็ไม่อยากทำร้ายความรู้สึกของคนคนนั้น
บางคนอาจต้องห้ามใจเพราะเขาอาจไม่ได้คิดและรู้สึกเหมือนกับเรา
ทุกข์ทรมานแค่ไหนที่เรารักเขา
แต่ต้องพยายามฝืนใจถอยห่างออกมา
เราต้องเงียบ ต้องเฉยชา ต้องเลี่ยง ต้องหลบหน้า
ต้องทำหน้าตาบึ้งตึงใส่
เพื่อจะย้ำเตือนให้ตัวเองไม่ต้องรู้สึกอะไรใดๆ กับเขา
มันเจ็บแทบบ้าที่ต้องทำร้ายตัวเองด้วยวิธีการนี้
แม้จะดูเป็นวิธีการโง่ๆ
แต่หากจำเป็นต้องทำเพื่อปกป้องตัวเอง
เพื่อไม่ให้ใจของตัวเองต้องบาดเจ็บ
การถอยห่างจะช่วยสอนให้เราได้เรียนรู้ว่า
ยิ่งเรายึดติด อยากได้ อยากครอบครอง
ยิ่งทำให้เราอ่อนแอและแพ้ภัยตัวเอง
หากไม่ได้เขามาเป็นคนรักของเรา
ขอเพียงแค่เขาได้เข้าใจในเหตุผลข้อนี้
อย่าได้เข้าใจว่าเราโกรธหรือเกลียดเขาถึงต้องแสดงท่าทีเฉยชาใส่
คนเจ็บปวดคนนี้ก็จะได้มีแรงพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง
พร้อมที่จะใช้ชีวิตที่เดินบนทางที่เหมาะที่ควร
แม้ว่าการเดินทางจะมีอุปสรรคมากบ้างน้อยบ้างก็ตามที
หลังจากที่เราเข้มแข็งได้แล้ว
ห้ามใจไม่ได้รักเขาได้แล้ว
ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
คิดและรู้สึกกับเขาได้อย่างคนธรรมดาสามัญที่รู้สึกดีต่อกัน
ไม่ต้องรู้สึกแบบพิเศษที่แอบแฝงด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา
และสามารถอยู่บนโลกใบเดียวกับเขาได้อย่างจริงใจที่สุด
เป็นธรรมชาติมากที่สุดโดยไม่ต้องกดดันอะไร
หวังว่าเขาคงเข้าใจในเหตุผลที่เรากระทำลงไป
เจ็บนะไม่ใช่ไม่เจ็บ
แต่สักพักก็คงจะหายดี
แล้วทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม
อย่าหลอกตัวเองต่อไป ว่า …
น้ำตาจะล้างดวงตาของเธอ ให้มองเห็นชัดเจนขึ้น
เพราะในดวงตาที่พร่ามัว ไปด้วยน้ำตาอย่างนั้น
เธอจะมองเห็นอะไรได้ …
นอกจากความทรงจำหม่นมัว
และความฝันอันมืดมิด …
อย่ากล่าวโทษว่า … ตัวเองไม่ดี
ในความรัก ไม่มีใคร ดี หรือ ไม่ดี
มีแค่ "รัก" หรือ "ไม่รัก"
ต่อให้เธอทำดีแค่ไหน
ถ้าลองได้หมดรักแล้ว … ก็ไม่มีทางจะดีไปได้
ที่มา … http://poem.kapook.com/sad.php

ทำไมรักจึงจาง

เพราะความรักมีหลายด้าน หลายแฉกและหลายมุม
โดย เมอร์ลิน
            ดังนั้น ความรักสำหรับบางคนจึงสุกสกาวและสว่างไสวโชติช่วงไม่รู้ดับไม่มีมอด ถือเป็นรักแล้วรักเลยและไม่มีวันซะหรอกที่จะหมดอายุกันง่ายๆ ตรงข้ามกับความรักของใครอีกหลายคนกลับเบื่อง่ายหน่ายเร็ว รักกันแป๊บๆ ปรู๊ดปร๊าดแต่เฉาเร็ว เดี๋ยวก็เซ็งเดี๋ยวก็เลิก ไม่รู้เป็นไงทำไมถึงเลิกกันเร็ว เลิกกันไวอย่างนี้นะ...ชักสงสัยแล้วดิ
           ซึ่งเอาเหอะ ใครจะรักกันช้าแต่เลิกกันไว หรือรักเร้ว เร็ว แถมเลิกกันง้าย ง่ายก็ตามที มันย่อมมีสาเหตุหรือมูลเหตุจูงใจที่คอยบั่นทอนและกัดเซาะความรักให้เจือจาง และสาละวันเตี้ยลงแหงๆ เลย
          งั้นมาดูกันดีกว่าว่า  มีอะไรบ้างนะที่เป็นสาเหตุทำให้คู่รักห่างเหินกันเร็วและเบื่อหน่ายกันอย่างปุ๊บปั๊บ จึงทำให้รักจืดจางต่างฝ่ายต่างหันหลังให้แก่กัน ก็เพราะเหตุผลดังต่อไปนี้ไง เช่น...
1. เมื่อหมดสวย หมดหล่อ
           เพราะวังวนของสังขารมนุษย์นั้นไม่เที่ยง และคนเรายังฝืนกฎธรรมชาติไม่ค่อยจะได้ จึงทำให้ผิวพรรณของวัยหนุ่มวัยสาวพออายุมากขึ้น จึงไม่เต่งตึงเหมือนแต่ก่อน แถมบางคนพอริ้วรอยมาเยือนก็ไม่ยอมหาวิธีบำรุงผิวลบรอยเหี่ยวย่นเตรียมไว้ล่วงหน้าซะด้วยสิ แต่อย่างว่ามนุษย์แต่ละคนกว่าจะหมดสวย หมดหล่อก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ บางคนอู๊ยกว่าจะไม่หล่อไม่สวยนู่นแน่ ต้องใช้เวลาเป็น 10-20 ปี กว่าความชราจะมาเยือน หรือจะมาพรากความงามของใบหน้าไปจากพวกเค้า
           ตอนนี้ใครที่ยังสวยและยังหล่ออยู่จึงชะล่าใจได้หน่อย กระนั้นอย่าลืมหมั่นส่องกระจกดูตัวเองบ่อยๆ ละกัน เผื่อเมื่อไหร่หน้าตาเปลี่ยนไปในทางร่วงโรยจะได้บำรุงบำเรอตัวเองได้ทันไงจ๊ะ
2. เมื่อแฟนทำให้ผิดหวัง
          เพราะทุกคนชอบตั้งความหวังไว้ที่คนรัก เช่น หวังว่าแฟนจะเป็นคนโรแมนติก แต่ที่ไหนได้ เค้าไม่โรกะติกอะไรกะคุณเอาซะเลย แถมยังเป็นคนเฉยเมย ไม่ค่อยแสดงอารมณ์และความรู้สึกซะด้วยซ้ำ ไม่งั้นก็หวังว่าแฟนจะเป็นคนช่างเอาอกเอาใจ แต่การเอาใจใส่ของเค้าไหงมีเฉพาะช่วงเริ่มต้น "ก่อร่างสร้างรัก" ก็ไม่รู้ เมื่อเป็นงี้พอเวลาผ่านไป 5 ปี 10 ปี เค้าจึงไม่ค่อยเอาใจคุณเหมือนอย่างเดิม ก็เริ่มผิดหวังแล้วเห็นมะ แล้วเมื่อคนเราพกเอาความผิดหวังเก็บไว้กะตัวมากๆ เข้า ก็ย่อมเป็นเหตุทำให้ความรักถดถอยไงเล่า โอ๊ย รู้งี้ อย่าไปตั้งความหวังอะไรกะคนรักซะก็สิ้นเรื่อง...ว่าแต่ ใครจะทำได้เนอะ
3. เมื่อหึงมากเกินไป ก็เป็นอาการไม่งามที่ทำให้แฟนหน่ายได้เหมือนกัน
          ลองคิดดูถ้าคุณรักเค้ามาก จนมัวแต่ตามหึงหวงไม่ยอมให้แฟนได้มีโอกาสพูดคุยกับเพื่อนต่างเพศ หรือแม้แต่เพื่อนฝูงซะบ้างเลย แล้วใครที่ไหนจะปลาบปลื้มกับการเป็นแฟนของคุณล่ะเจ้าคะ! แม้จริงอยู่ที่ว่า ความรักกับความห่วงหวงน่ะเป็นของคู่กัน แต่ควรแยกแยะความรักกับอาการหึงหวง ที่มักแสดงออกด้วยสายตาอาฆาตให้ออกจากกันโดยเด็ดขาดซะก่อนดีกว่า จะได้ไม่หึงปึงปังกันทีหลัง โอ๊ย มันน่าเวียนหัวจะตายไป งั้นเอางี้ดีมะ หึงแต่พองามเถอะนะที่รัก!
4. เมื่อเจ้าชู้ซะจนรับไม่ได้
           เป็นใครจะทนไหวล่ะฮะ ถ้าเผื่อมีแฟนเจ้าชู้ เที่ยวเร่ขายขนมจีบใครต่อใครดะไปทั่วน่ะ ซึ่งพวกทำตัวเจ้าชู้นี่ก็เหลือเกิน ทำไมรึจ๊ะมีแฟนคนเดียวมันจะตายรึไง?   ถึงต้องเที่ยวไปตามจีบคนโน้นที คนนี้ด้วย เนี่ยละนา เพราะมีนิสัยไม่รักเดียวใจเดียว แต่เที่ยวแจกรักไปเรื่อยๆ นี่แหละ จึงเป็นที่มาของอาการหมดรักได้ง่ายที่ซู้ด อ่ะเพราะใครอยากมีแฟนเจ้าชู้มั่ง? เชื่อดิไม่มีหรอก แม้แต่คนเจ้าชู้เองก็ไม่อยากมีแฟนเป็นแบบตัวเอง ใช่มะ... โอ๊ย อย่าทำเป็นส่ายหน้าไม่ยอมรับความจริง...เชอะ
5. เมื่อโดนโกหกบ่อยๆ ย่อมเข็ดกันบ้างสิยะ
           อื้อ ขืนมีแฟนขี้จุ๊ แบบช่างโกหกตลบตะแลงนี่ก็น่าเลิกยุ่งกับเค้าเหมือนกันนะ แหมจะคบกันแบบจริงใจไม่ได้หรือจ๊ะ ทำไมต้องโกหกกันด้วย! ใครเกิดมีแฟนเป็นคนช่างมุสาวาจา แล้วจะไปมีความสุขได้ไงกัน เพราะวันๆ เค้าต้องคอย "ปั้นน้ำเป็นตัว"  แล้วว่า วันนี้จะพูดปดกะแฟนว่าอะไรดี โอ๊ย เป็นงี้แล้วจะอยู่ด้วยกันยังไงไหว จะให้ "ทน" อยู่แล้วเดี๋ยวก็ชินกันไปเองน่ะรึ เฮ้ย...ไม่เล่นด้วย หรอกนะ

6. เมื่อแฟนติดการพนันซะจนงอมแงม
           ขืนใครมีแฟนชอบเล่นการพนันมั่กมาก แบบว่าติดหนึบเล่นหวย, เล่นม้า, เล่นพนันบอล ฯลฯ แถมวันๆ ยังหายใจเข้าออกเป็นการพนันละก็ ท่านว่าดวงในเรื่องการมีคู่จะสั่นไหวก็คราวนี้แหละ เพราะอะไรน่ะเหรอ? เพราะพวกบ้าการพนันน่ะ มักทุ่มเทเงินทองไปกับสิ่งเหล่านี้ซะจนหน้ามืดตามัวน่ะเซ่ แถมเผลอๆ ใช้เงินตัวเองยังไม่พอบางรายคิดเอาเงินในส่วนของแฟนไปถลุงด้วยนี่สิ ว้าย...แล้วใครจะทนไหวว้า ยิ่งพวกนี้ยิ่งชอบเล่นเสียมากกว่าจะได้ตังค์กลับคืนด้วยดิ่ เฮ่อ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม
7. เมื่อโดนแฟนใช้กำลังทำร้ายร่างกาย
           หากใครโดนแฟนใช้กำลังทำร้ายเอาละก็ อย่าไปทนเป็นกระสอบทรายให้เค้าซ้อมเชียวนะ การทำเช่นนี้แสดงถึงความถ่อย เถื่อน ที่ไม่ว่าใครก็รับไม่ได้ทั้งนั้นแหละ โถ มีแต่คนรักกันเค้าจะทะนุถนอมทั้งน้ำใจและทั้งเรือนร่างให้แก่กัน แต่ไอ้นี่ดันมือไว ทีนไว มิน่าถึงได้ทำให้หมดรักกันเร็วก็เงี้ยะ
            ทั้งหมดล้วนเป็นสาเหตุที่ทำให้รักโรยราไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งคู่รักคู่ไหนเมื่อทราบแล้ว ก็อย่าเลียนแบบพฤติกรรมเหล่านี้เลยนะฮ้า จะได้ครองรักครองเรือนกันไปนานๆ โถ รักกันนานๆน่ะ ไม่ผิดกติกาสากลอะไรหรอกจ้า แถมมีแต่ใครๆ อยากเชียร์ ให้เป็นคู่กันตลอดกาลด้วยซ้ำ เอ้า...งั้นวันนี้คุณแจกจุ๊บจุ๊บแฟนรึยังจ๊ะ แล้วอย่าลืมหยอดคำหวานพูดภาษาดอกไม้ด้วย

วันพฤหัสบดีที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2555

จุดธูป บรรเทากรรมความรัก



ก่อนหน้านี้ เคยฟัง น้องคนนึง ที่มาปรึกษาเรื่องความรัก  คุยกันไปคุยกันมา  ก็มาถึงเรื่อง ของกรรม ที่ว่า ไม่รู้ทำกรรมอะไรมานักหนา  ทั้งๆที่ก็มั่นใจว่าเรา(น้อง) ทำดีที่สุดทุกอย่างแล้ว ชนิดที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะดีได้ แต่ก็ไม่วาย ต้องเลิกรา กับแฟนคนแล้วคนเล่า จนเหนื่อยใจ กับความรักปัจจุบันก็ยังทำท่า จะล่ม อีกต่างหาก 
น้องคนนั้น บอกว่า เคยอ่านเจอ เรื่อง ที่ ชาคริต จุดธูปกลางแจ้ง อธิษฐานขอขมากรรม ทำให้ได้มาเจอวุ้นเส้น  ที่ใครๆก็เห็นว่าทั้งคู่หวานกันรักกันขนาดไหน ….  น้อง เอ่ย เสียดาย ที่ตอนนั้นอ่านผ่านๆ เลยจำไม่ได้ ว่า ธูปกี่ดอก และ จุดตอนไหนยังไง …..
วันนี้  นึกขึ้นได้ ก็ เลยไปหาข้อมูลมาค่ะ
 จุดธูป

ขั้นตอน คือ ให้คุณ  จุดธูป 16 ดอก  ในกลางคืนวันพฤหัส กลางแจ้ง   แล้วอธิษฐานขอขมาศีลข้อ 3  ค่ะ  ดังนี้  

“ ตั้งแต่เกิดมา ข้าพเจ้าไร้คู่ ข้าพเจ้าหาคู่ไม่ได้ อาจจะมีกรรมบางอย่างที่ทำให้ข้าพเจ้านั่นถูกปิดบัง ถูกซ่อนเร้น ถูกซึ่งการบังตา ทั้งตัวข้าพเจ้าและคู่ของข้าพเจ้า… ข้าพเจ้านั้นได้เกิดมาหลายชาติแล้ว และก็มีคู่มาหลายครั้งแล้ว หากสิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นผลจาก การที่ ข้าพเจ้า เคย ล่วงเกิน ทำผิดศีลข้อ 3 คือการไม่ประพฤติผิดในกาม มาแต่หนใด ทั้งในอดีตชาติ ปัจจุบันชาติ ทั้งตั้งใจก็ดี ไม่ตั้งใจก็ดี บัดนี้ ข้าพเจ้าได้สำนึกผิดแล้ว ข้าพเจ้าขอขมา ขออโหสิกรรม ในสิ่งที่ข้าพเจ้า ได้ล่วงเกิน ไว้ ณ โอกาสบัดนี้   ขอให้นับตั้งแต่ที่ข้าพเจ้าได้กล่าว คำขอขมา ขออโหสิกรรมนี้  ขอให้คู่ของข้าพเจ้า ซึ่งเป็นคู่จริง ๆ ได้มาบังเกิดแก่ข้าพเจ้าในบัดนี้เทอญ ขอให้เปิดทั้งฟ้า ขอให้เปิดทั้งดิน ขอให้คู่ของข้าพเจ้าได้มาบังเกิดพบเจอกับข้าพเจ้าแบบบุพเพสันนิวาส อย่าให้มีอันได้แคล้ว อย่าให้มีอันได้คลาด อย่าให้มีอันได้จากกัน ”

คำกล่าว ขอขมา และ อธิษฐาน … อาจดัดแปลงได้ ตามแต่บุคคลนะคะ

ท่านที่ ล้มเหลวในความรัก ท่านที่ อยากมีรักแต่ไม่มี หรือเป็นคนไร้คู่ ลองทำดูนะคะ ได้ผลเป็นอย่างไร อย่าลืม ย้อนกลับมาแจ้งกันด้วย เด้อ …. ^^
ขอให้ ทุกท่าน มีความสุขกับความรักนะคะหัวใจสีแดง

วันพุธที่ 15 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เมื่อไม่ได้เป็นที่ หนึ่ง ในใจเขา

การไม่ได้เป็นที่ "หนึ่ง" ในใจคนที่เรารักนั้น
ไม่ได้เป็นเรื่องที่น่าเศร้าเสมอไป
การเป็นที่สอง ในใจเขานั้น ย่อมดีกว่าการเป็นที่สาม ที่สี่



หรือถึงแม้ว่า . . . เราจะเป็นที่สุดท้าย
แต่มันก็ยังดีกว่า การที่เราไม่ได้อยู่ในใจเขาคนนั้นเลยไม่ใช่หรือ


จงยิ้มให้ความรัก และ รักต่อไปเถอะ
แม้ว่า . . . รักนั้นอาจไม่ใช่ที่หนึ่ง
จนกว่าที่เรา จะบอกกับตัวเองว่า . . .
"เราทนอีกต่อไป ไม่ได้แล้ว
เราเหนื่อยกับรัก ที่เป็นเช่นนี้เหลือเกิน"

การรักใครสักคนนั้น . . .
ง่ายกว่าการตัดใจ จากใครสักคนนัก
การสบตา จากใครสักคนนั้น . . .
ย่อมมีความสุข กว่าการหลบตาใครสักคน เป็นแน่แท้
จะมีสักกี่คน ที่สามารถทำให้เรายิ้มได้ . . . . . .อย่างสุดหัวใจ และเศร้าได้อย่างสุดหัวใจ

อย่า . . . โทษเขา ที่ไม่ได้รักเรา
อย่า . . . โทษพรหมลิขิตที่ทำให้เราเจอกัน แต่ไม่ได้ทำให้เรารักกัน
อย่า . . . โทษหัวใจตัวเองที่ไปรักเขา
อย่า . . . โทษกาลเวลาที่ทำให้เราเจอกันช้าไป

จงมีความสุข และยิ้มให้กับสิ่งต่าง ๆ เถอะ
ยิ้มให้กับคนที่เขาไม่รักเรา . . . เพราะอย่างน้อยเขาก็คือ คนที่ได้รับความรักจากเรา


ยิ้มให้กับพรหมลิขิต ที่ทำให้เราเจอกันถึงแม้เราจะไม่ได้รักกัน. . . เพราะอย่างน้อยพรมลิขิต ก็ยังได้ทำให้เราได้รู้จักกัน


ยิ้มให้กับหัวใจตัวเอง ที่ไปรักเขา . . .เพราะอย่างน้อยหัวใจของเรา ก็ยังได้เรียนรู้กับความรัก

ยิ้มให้กับกาลเวลา ที่ทำให้เราเจอกันช้าไป. . .เพราะอย่างน้อย ก็ยังทำให้เราได้เจอกัน

เราควรดีใจไม่ใช่หรือ ที่อย่างน้อยเรายังยิ้มให้กับคนที่เรารักได้

ที่มา…www.sanook.com

วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ที่ว่าง ที่ไม่พอดี

 

ผิดเอง ที่ไม่สามารถ สือสารอะไร ให้เธอเข้าใจได้
เธอถึงไม่เคยเข้าใจฉัน ซะที

คนที่แค่ยืนพูดยืนคุยอยู่ข้างๆ กับคนที่คอยเดินไปด้วยกันช่วยเหลือกัน
เธอว่าอย่างไหนจะรู้สึกดีกว่ากัน

ยิ่งนับวัน เหมือนยิ่งตอกย้ำ ให้ได้รู้ว่า
เธอไม่พร้อมที่จะเดินไปด้วยกันกับฉันเลย

88998

ในโลกสังคม ตรงไหนที่ มีฉัน ตรงนั้น ไม่มีเธอ  อายหรือ ที่จะแสดงออกถึงความรู้สึกดีๆ ที่ควรมีให้กัน ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป

เฟซบุค   เธอไม่เล่น เพราะมีฉัน ไม่เคยคอมเมนต์อะไรที่เกี่ยวกับฉัน  สิ่งดีๆความรู้สึกดีๆ ไม่เคยส่งผ่านทางตัวอักษร ให้คนอื่นได้เห็น เว้นเสียแต่ ถ้อยคำแซว ที่ ทำให้คนอื่นดูตลก และขำฉัน

น้อยใจ จนทะเลาะกันหลายครั้ง จนต่างฝ่าย ต่างเบื่อ และเหนื่อย  เราเริ่มปรับตัว ด้วยการ ปล่อยวาง เข้าใจในสิ่งที่เธอเป็น  เมื่อเว้น “ที่ว่าง” ให้เธอ อะไร ๆ เริ่มดูดีขึ้น แต่ ทำไม เหมือนที่ว่างนั้น ยิ่งมากขึ้น มากขึ้น 

ระยะหลัง ที่พยายามยิ้ม และปรับอารมณ์ทุกครั้งที่เริ่มรู้สึกแย่ แต่รู้ไหม ภายใต้ความไม่อยากมีปัญหา ก็ เหมือนการ ซุกขยะไว้ใต้พรม  เมื่อไหร่ที่ เหมือนจะมีปัญหา ก็หยุด แล้วยัดเข้าไปใต้พรมซะ ภายนอกดูสะอาด แต่ ภายใน ก็ยังคงเป็นสิ่งที่คาใจอยู่อย่างนั้น  โดยที่เธอไม่เคย สนใจ จะปรับปรุง หรือ ทำความสะอาดขยะใต้พรมนั้นเลย

เข้าใจฉันบ้างไหม ว่าเวลามีปัญหา ฉันต้องการคนที่คอยประคอง ปกป้อง และ เดินไปด้วยกัน มากกว่าคนที่มีแต่คำพูด   ไม่รู้ว่าทำไม เธอกลับทำให้รู้สึก ว่า หากเมื่อใดที่ฉันมีปัญหา เธอพร้อมที่จะปล่อยมือฉันเสมอ

หรือ เป็นเพราะเธอมี ที่ว่าง มากเกินไป จนมองไม่เห็นฉัน  

 

 

ที่ว่าง

ศิลปิน: พอส

เติบโตจึงได้รู้ความจริง
หากเคียงชิดใกล้ แต่เธอต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อฉัน
ประโยชน์ที่ใด หากรักทำร้ายตัวเอง
หากเดินแนบกาย มีพลั้งต้องล้มลงเจ็บ ด้วยกัน
ห่างเพียงนิดเดียว ให้รักเป็นสายลมผ่านระหว่างเรา
แบ่งที่ว่างตรงกลางไว้คอย เพื่อให้เธอได้ตามหาฝัน ของเธอ

วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

อกหัก คือ จุดตั้งต้นของการเริ่มต้นสิ่งดีๆ

 

อกหักไม่ตาย

ยาม ผิดหวัง อกหัก ท้อแท้ … คุณเป็นคนหนึ่่ง หรือเปล่า ที่คิดว่า หมดสิ้นทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ไม่อยากทำอะไร และ ไม่อยากมีใครใหม่แล้ว วันๆ วนเวียนอยู่กับความคิดในใจ ว่า “ฉันจะเอาคนนี้” “ฉันจะรอคนนี้” “ฉันอยากให้เขากลับมา”  “ถ้าไม่ได้คนนี้ ก็จะไม่มีใครอีกแล้ว”  …. ถ้าใช่ ขอให้พยายาม ดึงตัวเอง ขึ้นมาจากสภาวะตรงนั้น ให้ได้ นะคะ ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว  เพราะมันคงไม่มีประโยชน์อะไรเลย กับสิ่งที่กำลังทำอยู่  คนไม่รัก คนหมดใจ ต่อให้ทำดีให้ตายยังไง เขาก็ไม่กลับมาค่ะ

รู้ไหม ?

บางที การที่ใครสักคนหนึ่งไปจากเรา อาจเป็นจุดตั้งต้นของการได้เริ่มต้นสิ่งดีๆ สำหรับชีวิตใหม่ที่เหลือ ก็เป็นได้ Very Happy

ผู้หญิงคนหนึ่ง ในวันนั้น ร้องไห้ฟูมฟาย เสียใจ ที่ รู้ว่า แฟนมี ใครอีกคน แล้วก็ดูทีท่า ว่าแฟนจะมีใจไปทางผู้หญิงคนใหม่มากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ ด้วยความที่รักมาก จึงยอมให้ แฟน ข่มเหงน้ำใจอยู่ตลอด จากที่เคยเป็นแฟนอย่างเปิดเผย ต้องยอมกลายเป็นแฟนเก็บ ขอเพียง อย่าไปจากฉัน อย่าทิ้งฉัน … เพื่อนฝูง ให้กำลังใจ แนะนำให้ทำใจอย่างไรก็ ไม่ฟัง จะฟังได้ยังไง ในเมื่อใจยังรักผู้ชายคนนั้นอยู่ซะมากมาย .. เพื่อนบอกว่าให้หาคนใหม่ มองคนใหม่ เธอก็บอกว่า “ไม่อ่ะ ฉันไม่อยากมีใครแล้ว ฉันรักคนนี้”   บางวัน เหนื่อย ท้อแท้ มีปัญหาหนักๆเข้ามา เธอก็จะ บ่นว่า “อยากมีใครสักคน จะได้ลืมๆคนนี้” แต่สุดท้าย เธอก็ ยังตัดใจไม่ได้ ก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม กลับไปยอมให้ผู้ชายเอาเปรียบอยู่ดี …. ทำไงได้ .. ก็ยังรักนิ …..  เฮ้อ…

วันหนึ่งมีเพื่อน บอกกับเธอว่า  ถ้า จิตเรายังไม่ปล่อยเขา ก็จะไม่มีทาง ที่จะ มีคนใหม่ เข้ามานะ ถึงมีเข้ามา เขาก็จะแพ้ทางคนเก่า และ ต้องจากไปอยู่ดี  เพราะเคยมีพระ แนะนำว่า  ในวิถีแห่งกรรม ถ้า คู่คนหนึ่งยังอยู่ ก็จะไม่มีทางที่จะเปิดให้ คู่อีกคนเข้ามา   ….สรุปคือ  ถ้าเธอไม่ตัดใจ ให้เด็ดขาด ก็คงจะเป็นการยาก ที่จะมีใครใหม่   ….. เพื่อนได้แต่แนะนำเธอไปเช่นนั้น และ เฝ้ามองเธออยู่ห่างๆ ให้กำลังใจบ้าง ในบางครั้ง

ระยะเวลาผ่านไป ไม่นาน ก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ใจเธอ ขาด กับผู้ชายคนนั้นอย่างทันที แล้วคุณรู้ไหม ว่า ถัดมาจากนั้นไม่ถึงเดือน  ก็มีเพื่อน แนะนำ ผู้ชายคนใหม่มาให้เธอ ชนิดที่ไม่คิดว่า จะช่างพอเหมาะพอเจาะ กับเวลาและโอกาสซะเหลือเกิน … ก่อนหน้านั้น เพื่อนๆ พยายามมองหาผู้ชายคนใหม่ ให้เธอมาตลอด เพื่อหวังจะให้เธอได้คบ และลืมคนเก่า  … แต่หาเท่าไหร่ ก็หาไม่ได้สักที ไม่เห็นมีใครที่ โสด และ ดี เหมาะสมกับเธอสักคน   จน เมื่อเพื่อนได้ข่าว ว่าเธอ ตัดขาดกับผู้ชายคนเก่าอย่างเด็ดขาดแล้วนะ อยู่ดีๆ ก็มีผู้ชายดีๆ โผล่เข้ามาในชีวิตของเพื่อนๆ  เพื่อชักนำมาให้เธอได้รู้จัก … นี่ไงคะ … เมื่อ จิตเธอเริ่มตัดคนเก่าขาด คนใหม่ ก็จ่อคิว เข้ามาทันที แถมดีกว่าเดิมด้วย

ทุกวันนี้  เธอมีความสุข กับ ความรักครั้งใหม่จนใครๆก็อิจฉา  ผู้ชายคนใหม่ของเธอ ก็เป็นคนดี ไม่เจ้าชู้ โรแมนติก และ มีความรับผิดชอบ ดีกว่า คนเก่า มากๆ  

เธอคิด อยู่เสมอว่า ถ้า เธอ ไม่ อกหักในวันนั้น   เธอคง ไม่มีโอกาสได้ เจอผู้ชาดีๆอย่างยคนปัจจุบันนี้ แน่ๆ การอกหัก คือ จุดตั้งต้นของการเริ่มต้นสิ่งดีๆ Very Happyจริงๆ

เห็นไหมคะ   วันนี้เธอมีความสุข  คุณก็ สามารถเลือกได้เช่นกันนะคะ ว่าจะให้ชีวิตตัวเอง จมอยู่ หรือ จะเดินหน้าต่อไป เพื่อเจอกับ สิ่งดีๆ

ขอให้ทุกคนมีความสุขนะคะ เลือกและทำ สิ่งดีๆ ให้กับตัวเอง

นส. อ่อนไหว

วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

อ่านหนังสือ เหตุเกิดจากความรัก

วันนี้ เรามี หนังสือ ดีๆ เกี่ยวกับความรักมาให้ได้ ติดตาม อ่าน กันนะคะ

ต้องขอ ขอบคุณ ที่มา จาก เพจ “เหตุเกิดจากความรัก”

นอกจากนี้ ทางเพจ ยังมี กิจกรรม แจกหนังสือฟรี ด้วยนะคะ หากว่า สนใจรับหนังสือ ก็ลองเข้าไปติดตามรายละเอียดได้ที่แฟนเพจเลยค่ะ

วันพุธที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2555

รักษา ความรัก กันดีกว่า



แรกรัก

ได้แรงบันดาลใจ มาจาก คู่รัก  สองคู่  รวมถึง เรื่องราว ของเราเอง เป็นสำคัญด้วย
คู่แรก … เป็นคู่รัก ที่ เพิ่งตกลงปลงใจรักกัน … แต่ ก็ เจออุปสรรค แฟนเก่า มาระราน ก็คงเหมือนฉัน เมื่อตอนแรกๆ ที่เริ่มคบกับใครคนหนึ่ง อยู่ดีๆ คนเก่าๆ ก็ โผล่มา ทั้งที หายหัวไปนาน และไม่เคยเห็นความสำคัญของเรา … แต่ พอ เรามีใครขึ้นมาเป็นตัวเป็นตน   กรูก็เริ่มสำคัญสำหรับมึงขึ้นมาทันที …. แต่ก็ไม่เป็นปัญหา สำหรับ คนรักกันใหม่ๆ ต่างฝ่ายต่างยิ้มให้กัน และ บอกว่า ไม่เป็นไร เราเข้าใจกันก็พอ  จับมือ ฝ่าฟันกันทุกสิ่ง เพื่อให้เราได้ รักกัน ในที่สุด

คู่ที่สอง … เป็นคู่รัก สักระยะ … สักระยะ ที่มากพอ ที่ จะแสดงความเป็นตัวตนออกมาให้ได้เห็นกัน ยามรักกันใหม่ ๆ ก็หวานชื่น โลกทั้งโลก สดใส คิดถึงกันจนแทบจะกลืนกินกันไปทั้งตัวยามได้เจอ …  วันเวลา ผ่านไป  ทะเลาะกันบ่อยขึ้น เกิดความเอาแต่ใจ เกิดทิฐิ ใครพูดอะไรก็ไม่ฟัง คิดแต่ว่าตัวเองถูก เพียงเพื่อนจะเอาชนะ  … เลิกก็เลิก ไม่แคร์ … คำพูดแย่ๆ หลุดออกมาจากปาก ของคนที่เคยมีความรักหวานแหว๋ว มากมาย ชนิดที่ ไม่ได้นึกถึง วันดีๆ ที่ผ่านมาเลย  ….
นั่งมอง คู่รักทั้งสอง แล้ว ก็ ทำให้เห็น ถึง ความจริง ของ ความรัก อีกอย่างหนึ่ง
รักกันแรกๆ อุปสรรค ก็ คือ คนอื่น มักจะมาเป็นมาร ประเภทหวงก้าง ก็มีเยอะ..... แต่ก็ สู้ฝ่าฟันไปจนได้
แต่ พอรักกันไปนานๆ .... อุปสรรค กลับกลาย เป็น มาร ในใจคนทั้งคู่ ... ทิฐิ จนไร้ศรัทธาที่จะอยากฝ่าฟัน ...
ฉันได้แต่หวังว่า คู่ที่รัก กันใหม่ๆ เมื่อเวลาผ่านไป จะพยายามรักษาความรัก ที่เกิดขึ้น กันไว้อย่างดี  หาก มีปัญหา เกิดขึ้นระหว่างกัน ก็ขอให้ นึกถึง ความรักวันแรกๆ นึกถึง สิ่งดีๆ ที่เคยร่วมกันทำ ให้มากๆ  อย่า มัวแต่ จะคิด เอาชนะ หรือ หาเรื่องต่อความยาวสาวความยืดกันเลย
ขอให้ทุกคนที่กำลังมัปัญหากับคนรัก รู้จัก ปล่อยวาง แล้วกลับมาย้อนคิดว่า จะทำอย่างไรให้ ความสัมพันธืของเรานั้นดีขึ้น  มากกว่า ที่ จะมัวแต่ เอาชนะกัน ….

ความรัก ….

ิโดย ดังตฤณ DUNGTRIN

• ความรักเป็นภาวะปรุงแต่ง
อาศัยบุญเก่าที่เคยอยู่ร่วมกันเป็นตัวผลักดันให้มาพบและคุ้นกัน
และอาศัยบุญใหม่ทำให้อยู่ร่วมกันรอด


• ถ้ายังไม่มีความรัก
อย่าเพิ่งรีบหาความรัก
แต่ให้เร่งรู้วิธีสร้างความรัก
ด้วยการใจเย็นเป็น เห็นใจเป็น
พูดดีเป็น อภัยเป็น ไม่เสแสร้งเป็น
แล้วในที่สุดความรักจะตามหาคุณเจอเอง


• การมีคนรัก
ไม่ได้หมายความว่าคุณรู้จักรัก
ความรู้สึกแสนดี การมีเรื่องประทับใจได้ช่วยกันสานสายใยผูกพัน
เป็นเพียงเปลือกนอกของความรัก
...เนื้อแท้ของความรัก
คือการมีกันและกันในยามยาก
...แก่นสารของความรัก
คือการรู้ทางที่จะร่วมกอดคอ
เดินหน้าไปสู่ความดับทุกข์
ไม่เหลือแม้น้ำตาอาลัยกันในยามตาย


• กุศลแรงที่สุดที่ช่วยรักษาชีวิตคู่ไว้
คือกุศลทางใจอันเกิดจากการคิดเกื้อกูลกัน
ไม่ยอมตามความคิดประทุษร้ายกัน ตั้งใจจริงและลงมือทำ


• แก้กรรมสร้างครอบครัวที่อบอุ่น
แค่เอาความหุนหันพลันแล่นในการพูดออกไปจากทุกคนในบ้าน
ก็แก้กรรมเก่าได้เกือบทุกรูปแบบแล้วครับ


• ถ้าไม่เคยพูดอะไรให้คนที่คุณรักเสียใจ
แปลว่าคุณไม่เคยพูดกับเขาหรือเธอเลยสักวัน
แต่ถ้าพูดอะไรให้คนที่คุณรักเสียใจได้ทุกวัน
แปลว่าคุณไม่เคยรับฟังคำพูดของเขาหรือเธอเลยสักคำ


• ในการอยู่ร่วมกันกับใครสักคน
ไม่ต้องทำดีก็อาจเผอิญได้อย่างใจคุณ
แต่คุณจำเป็นต้องมีดี ถึงจะเห็นใจเขาได้


• อยู่ร่วมกันต้องสร้างความรู้สึกอันเป็นบุญกุศลไปในทางเดียวกันให้ได้ก่อน
ไม่งั้นช่องว่างระหว่างคนจะเป็นอุปสรรคให้เจรจาไม่รู้เรื่อง


• คู่แท้เป็นแค่คำหลอกๆ
จริงๆมีแต่คู่บุญ หรือคนที่ใช่ที่สุดที่เราเลือก
แปลว่าถ้าใจเราไม่อยากมีคู่ ก็ไม่มีของแท้อะไรมาบังคับใจได้


• พบรักแท้ว่ายากแล้ว
เหมือนโชคดีเหลือเกินแล้ว
แต่ความจริงคือพบทางพ้นทุกข์นั้นยากกว่า
และโชคดีกว่าอย่างเทียบกันไม่ได้
เพราะความรักเป็นสิ่งที่เจืออยู่ด้วยความว้าวุ่น
และต้องยุติลงด้วยการจากเป็นหรือจากตาย
แต่ความพ้นทุกข์มีแต่ความสงบที่เต็มบริบูรณ์
กับทั้งเป็นอมตะอย่างแท้จริง ไม่มีการพรากจากอีกเลย

วันพุธที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2555

คนที่มีรักแท้ นั้น มีบุญ

คนที่มีรักแท้ คนที่เจอคนที่รักและทุ่มเทให้เราสุดชีวิต คุณมีบุญกับรักแท้เค้ามามาก เมื่อมีเค้าอยู่ถนอมไว้เถอะ หลายคนเลือกที่จะทะเลาะมากกว่าถนอม เมื่อวันนึงที่มันผ่านไปแล้ว จะเรียกร้องคงยาก เขาก็คงเป็นได้แค่เพียงสายลมที่อยู่ข้างตัวคุณเท่านั้นเอง!!"

 

>>>> วาทะ by ริว จิตสัมผัส ... รายการคนอวดผี  4 มกราคม 2555

ข้อความดีๆ จาก คุณดังตฤณ DUNGTRIN

 

• ฝึกยอมรับความจริงไว้แต่เนิ่นๆ
เพราะยิ่งเวลาผ่านไป
คุณจะยิ่งต้องยอมรับความจริงที่ไม่น่ายอมรับมากขึ้นทุกที
• ในการอยู่ร่วมกันกับใครสักคน
ไม่ต้องทำดีก็อาจเผอิญได้อย่างใจคุณ
แต่คุณจำเป็นต้องมีดี ถึงจะเห็นใจเขาได้
• อยู่ร่วมกันต้องสร้างความรู้สึกอันเป็นบุญกุศลไปในทางเดียวกันให้ได้ก่อน
ไม่งั้นช่องว่างระหว่างคนจะเป็นอุปสรรคให้เจรจาไม่รู้เรื่อง
• อย่าคาดหวังจะให้ใครต่อใครเข้าใจคุณ
เพราะเกือบทุกคนก็กำลังสับสนอยู่กับการทำความเข้าใจตนเองเช่นกัน
• กว่าจะเลิกอยากให้คนอื่นเข้าใจคุณ
คุณจำเป็นต้องเข้าใจตัวเองให้ขาด
และเห็นใจคนอื่นมากๆได้เสียก่อน
และพอเลิกอยากให้คนอื่นเข้าใจนะครับ
กระแสความเข้าใจคนอื่นจะเริ่มก่อตัวขึ้นในเราเอง
ตลอดจนดึงดูดเขามาสนใจเราด้วยความรู้สึกที่ดีขึ้นไปแทน
นี่คือธรรมชาติของจิตที่แผ่ออกไปด้วยกระแสเมตตาโดยแท้
• เมื่อเกิดความขัดแย้งทางความคิด
ถ้าคุณไม่คิดหาคำพูดดีๆ แนวโน้มคือคำพูดแย่ๆจะชิงหลุดจากปากออกมาก่อน
ความขัดแย้งมีแรงอัด มีพลังผลักดันให้อยากก่อวจีทุจริต
ทางหนึ่งที่จะปิดประตูใส่มัน คือฝึกคิดเลือกคำพูดที่ดี ที่นุ่มนวล
หรือที่กรองแล้วว่าระคายโสตน้อยที่สุด
ตัวการฝึกคิด จะเป็นกรรมดีในทั้งแง่ของมโนสุจริตและวจีสุจริต
ตลอดจนเป็นการฝึกสติให้เกิดสมาธิในการพูด
เพราะการเอาชนะแรงอัดในการพูดทางร้าย
ก่อให้เกิดความเข้มแข็งทางใจเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
น่าเสียดายที่คนส่วนใหญ่ยอมอ่อนแอลงทุกที
เปิดโอกาสให้ตัวเองก่อมโนทุจริตและวจีทุจริตเพิ่มขึ้นทุกวัน
ในยุคที่โลกเต็มไปด้วยเสรีภาพทางความคิด
อันขัดแย้งอย่างยากจะหาทางประนีประนอมนี้ครับ
-
Dungtrin -

วันเสาร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2555

การช่วยขจัดทุกข์ผู้อื่น

เขียนโดย กลุ่มงานสุขศึกษา

วันอังคารที่ 15 พฤศจิกายน 2011 เวลา 10:49 น.

หากจะตั้งคำถามว่า”อะไรมีค่าที่สุดในชีวิต” แต่ละคนคงจะมีคำตอบที่แตกต่างกันไปแต่น่าจะมีคนจำนวนมากที่ตอบว่า”ชีวิตคือสิ่งมีค่ามากที่สุด”เพราะแต่ละคนดิ้นรนต่อสู้กับปัญหารอบตัว เช่น การทำงาน การเจ็บป่วย การศึกษา เพื่ออะไร ? ถ้าไม่ใช่เพื่อให้มีชีวิตที่ดีและมีความสุข ชีวิตของใคร .. คนนั้นก็ต้องดูแลเองใช่หรือไม่ ? ถ้าตอบว่าใช่ .. โลกนี้คงจะแห้งแล้งไม่น่าอยู่ คงจะมีหลายคนที่ชีวิตเฉาตายไป ในความเป็นจริงแล้วเราต้องดูแลเอาใจใส่กันตั้งแต่ในครอบครัว เพื่อนบ้าน เพื่อนที่โรงเรียน ที่ทำงาน โดยเฉพาะในยามที่มีความทุกข์เรามักต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น และคนอื่น .. เมื่อมีทุกข์ เขาก็ต้องการความช่วยเหลือจากเราเช่นกัน เวลาที่มีความทุกข์เราจะต้องการเพื่อนมากที่สุด ต้องการคนที่จะมารู้มาเข้าใจว่าเรากำลังทุกข์กาย ทุกข์ใจ ช่วยอยู่เป็นเพื่อน รับฟังปัญหา ช่วยหาแนวทางแก้ไข เห็นใจ ปลอบใจ ให้กำลังใจ สิ่งนี้เป็นน้ำใจที่เราทุกคนต้องการมากที่สุด

โดยปกติแล้วคนทุกคนจะพยายามแก้ไขความทุกข์ที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง แต่ในบางครั้งบางปัญหาแก้ไขเองไม่ได้ จะทนแบกรับต่อไปก็ไม่ไหว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คนใกล้ชิด คนในครอบครัวหรือชุมชนเดียวกันต้องให้ความสนใจ เข้าใจ เห็นใจ และให้ความช่วยเหลือ ผู้อยู่ใกล้ชิดควรช่วยเหลือ ดังนี้

1. สร้างสัมพันธภาพด้วยการพูดคุยซักถาม เช่น ดูหน้าตาไม่ค่อยสบายเป็นอะไรรึเปล่า ? ถามถึงทุกข์สุขในครอบครัวหรือการทำมาหากินเป็นอย่างไร ?

2. พูดคุยเพื่อหาปัญหาและเพื่อให้ผู้ทุกข์ใจเข้าใจสาเหตุของการเกิดปัญหานี้

3. ช่วยกันคิดหาทางออกของปัญหา พิจารณาว่ามีปัญหาอะไรบ้าง พยายามหาทางออกในการแก้ปัญหาหลาย ๆ ทางเพื่อเป็นทางเลือก ชั่งน้ำหนักของแต่ละปัญหา และเรียงลำดับปัญหาตามความรีบด่วนจากด่วนมากไปจนถึงเรื่องที่รอได้ หรือเรื่องที่แก้ได้ยากไปจนถึงเรื่องแก้ได้ง่ายโดยดูว่ามีใครที่เกี่ยวข้อง ใครจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง ต้องไปหาใครก่อน / หลัง หรือเป็นเรื่องที่ต้องทำด้วยตัวเอง คิดไว้ก่อนว่าจะพูดอย่างไร ? ทำอย่างไร ? เตรียมใจไว้เผื่อไม่เป็นไปตามที่คิดหวังไว้ บางปัญหาสามารถแก้ไขได้โดยตรงทันทีตามที่เราต้องการ แต่บางปัญหาอาจต้องชะลอยืดเวลาออกไปเพื่อตั้งหลักหาทางแก้ไขหรือต้องประนีประนอมพบกันครึ่งทาง

แต่แม้ว่าจะแก้ไขปัญหาตามที่ต้องการไม่ได้ทั้งหมดก็ยังดีกว่าไม่ได้แก้ไขอะไรเลย ในกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลยคงต้องให้ผู้ทุกข์ใจยอมรับความจริง ยอมรับสภาพที่เกิดขึ้น ผู้ที่สามารถยอมรับสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้จะทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้น คนที่เข้มแข็ง กล้าหาญในการเผชิญกับสิ่งที่ไม่ดี ความล้มเหลวในชีวิต สามารถสู้ชีวิตต่อไปได้เปรียบเสมือนคนที่ล้มแล้วพยายามลุกขึ้นเดินต่อไปย่อมจะมีโอกาสดีกว่าคนที่ไม่ยอมลุกขึ้น

4. ถ้ายังทำใจไม่ได้หรือในรายที่เคยมีปัญหาทางสุขภาพจิตมาก่อนควรจะไปพบผู้ที่มีความรู้ที่สามารถให้การช่วยเหลือได้ที่สถานบริการสาธารณสุขต่าง ๆ ใกล้บ้าน เช่น สถานีอนามัย โรงพยาบาล

หากคนรอบตัวท่านกำลังมีความทุกข์ .. ขอให้ท่านให้ความสนใจ ให้ความสำคัญกับความทุกข์ที่เขาเผชิญอยู่ สังเกตเขาสักนิด ซักถามเขาสักหน่อย อยู่เป็นเพื่อนเขาบ้าง เหตุการณ์ร้าย ๆ คงจะไม่เกิดขึ้น การดูแลกันในยามทุกข์เป็นสิ่งมีค่าที่ท่านสามารถทำได้อย่างแน่นอนค่ะ

ด้วยความปรารถนาดีจาก .... กลุ่มงานสุขศึกษา โรงพยาบาลลำปาง

E - mail address Health.edlph@gmail.com

--------------------------------------------------------------------------------------------------

 

การช่วยขจัดทุกข์ผู้อื่น

โดย.กรมสุขภาพจิต

หากจะตั้งคำถามว่า อะไรมีค่าที่สุดในชีวิตแต่ละคนคงจะมี

คำตอบที่แตกต่างกันไป แต่คงจะมีคนจำนวนมากตอบว่า ชีวิตคือสิ่ง
มีค่ามากที่สุดเราแต่ละคนดิ้นรนต่อสู้กับปัญหารอบตัว เช่น การ
ทำงาน การเจ็บป่วย การศึกษา เพือะไรถ้าไม่ใช่เพื่อให้มีชีวิตที่ดีและ
มีความสุข

ชีวิตของใคร คนนั้นก็ต้องดูแลเองใช่หรือไม่ ถ้าตอบว่าใช่ โลกนี้คงจะแห้งแล้งไม่น่าอยู่คงจะมีหลาย

คนที่ชีวิตเฉาตายไป ในความเป็นจริงเราต้องดูแลเอาใจใส่กันตั้งแต่ในครอบครัว เพื่อนบ้าน เพื่อนในโรงเรียน ที่ทำงาน โดยเฉพาะในยามที่มีความทุกข์ เราก็ต้องการความช่วยเหลือจากคนอื่น คนอื่นเมื่อมีทุกข์ เขาก็ต้องการความช่วยเหลือจากเราเช่นกัน เวลาที่มีความทุกข์เราจะต้องการเพื่อนมากที่สุด ต้องการคนที่จะมารู้มาเข้าใจว่าเรากำลังทุกข์กาย ทุกข์ใจ ช่วยอยู่เป็นเพื่อน รับฟังปัญหา ช่วยหาแนวทางแก้ไข
เห็นใจ ปลอบใจ ให้กำลังใจ สิ่งนี้เป็นน้ำใจที่เราทุกคนต้องการมากที่สุด

ฉะนั้น ถ้าคนรอบตัวท่านกำลังมีความทุกข์ขอให้เราให้ความสนใจ ให้ความสำคัญกับความทุกข์ที่

เขาเผชิญอยู่ ไม่มีใครหรอกอยากจมอยู่ในกองทุกข์ ถ้าเราไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เขาอาจจะหาทางออกหรือแก้ปัญหาด้วยวิธีที่เป็นอันตรายต่อตัวเองหรือคนใกล้ชิด บางคนกว่าจะคิดได้ว่าถ้าเราสังเกตเขาสักนิดซักถามเขาสักหน่อย อยู่เป็นเพื่อนเขาบ้างเหตุการณ์ร้ายๆ คงจะไม่เกิดขึ้น เมื่อคิดได้มันก็สายไปแล้ว ฉะนั้นการดูแลกันในยามทุกข์จึงเป็นสิ่งมีค่า ที่ท่านสามารถทำได้อย่างแน่นอน

ความทุกข์เป็นของคู่กับมนุษย์ทุกคนไม่เลือกเพศ ฐานะหรือวัย เด็กก็

ทุกข์ประสาเด็ก คนแก่ก็ทุกข์ประสาคนแก่ คนที่มีฐานะการเงินดีมีชื่อเสียงเกียรติยศในสังคมก็ยังหนีไม่พ้น ใครจะทุกข์มากหรือน้อย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองความทุกข์ที่เกิดขึ้นอย่างไร และมองเห็นทางแก้ไขผ่อนคลายความทุกข์นั้นหรือไม่

โดยปกติแล้ว คนทุกคนจะพยายามแก้ไขความทุกข์ที่เกิดขึ้นด้วยตนเอง แต่ในบางครั้งบางปัญหาแก้ไข

เองไม่ได้ จะทนแบกรับต่อไปก็ไม่ไหว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คนใกล้ชิด คนในครอบครัวหรือชุมชนเดียวกัน ต้องให้ความสนใจ เข้าใจ เห็นใจและให้ความช่วยเหลือ อย่าให้เขาเกิดความรู้สึกว่าเขาทุกข์อยู่คนเดียว แต่ควรทำให้เขารู้สึกว่า เมื่อเขาทุกข์แล้ว เขายังมีคนที่ให้ความช่วยเหลือ ให้กำลังใจในการแก้ไขความทุกข์ ให้ทุกข์นั้นผ่อนคลาย โดยเฉพาะบางคนทุกข์มาก แต่อายที่จะให้คนอื่นช่วยและไม่กล้าร้องขอ

คนที่ทุกข์ใจ มีความทุกข์จนทนต่อไปไม่ได้ย่อมรับปัญหานั้นไม่ได้ แก้ปัญหาไม่ได้ไม่มีคน

ช่วยเหลือ หรือหาทางหนีก็ไม่ได้ ผู้อยู่ใกล้ชิดควรช่วยเหลือ ดังนี้

1. สร้างสัมพันธ์ภาพด้วยการพูดคุยซักถาม เช่น “ดูหน้าตาไม่ค่อยสบายเป็นอะไรหรือเปล่า” ถาม

ถึงทุกข์สุขในครอบครัวหรือการทำมาหากินเป็นอย่างไร

2. พูดคุยเพื่อหาปัญหา เช่น “ดูท่าทางปัญหาครั้งนี้จะทำให้ไม่สบายใจมากกว่าธรรมดา ถ้าพูดออก

มา นอกจากได้ระบายทุกข์ออกมาบ้างแล้วอาจจะหาทางช่วยกันได้”

3. ถ้าเขาเต็มใจพูดคุย ก็ควร ถามรายละเอียดของปัญหาและผลที่ตามมาจนไม่สบายใจ เช่น

   - เรื่องราวเป็นมาได้อย่างไร
   - ใครเข้ามาเกี่ยวข้องบ้าง
   - ผู้ที่เกี่ยวข้องรู้สึกอย่างไร
   - เรื่องที่เกิดขึ้นกระทบกระเทือนความรู้สึกของตัวเองมากแค่ไหน
   - ที่ผ่านมาแก้ไขปัญหาอย่างไร หรือมีคนอื่นมาช่วยแก้ไขด้วยหรือไม่

4. พูดคุยเพื่อให้ผู้ทุกข์ใจเข้าใจสาเหตุและการเกิดปัญหานี้ ขึ้นโดยใช้คำถาม เช่น ใครบ้างที่ทำ

ให้เกิดปัญหานี้ขึ้น ทำให้เกิดได้อย่างไรตัวเขามีส่วนด้วยหรือไม่

5. ช่วยกันคิดหาทางออกของปัญหา ตามแนวทางดังต่อไปนี้

- พิจารณาว่ามีปัญหาอะไรบ้างพยายามหาทางออกในการ

แก้ปัญหาหลายทาง เพื่อเป็นทางเลือก

- ชั่งน้ำหนักของแต่ละปัญหา และเรียงลำดับปัญหาตาม

ความรีบด่วน จากด่วนมากไปจนถึงเรื่องที่รอได้หรือเรื่องที่แก้ได้ยากไปจนถึงเรื่องแก้ได้ง่าย

- เริ่มแก้ปัญหาจากปัญหาที่ง่ายไปหาปัญหาที่ยาก หรือเรื่อง

ที่ด่วนมากไปจนถึงเรื่อง ที่รอได้เรียงลำดับก่อนหลังว่าแต่ละอย่างจะแก้อย่างไร โดยดูว่า

  ๐ มีใครเกี่ยวข้อง
๐ ใครจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง
๐ ต้องไปหาใครก่อน/หลัง หรือเป็นเรื่องที่ต้องทำด้วยตัวเอง
๐ คิดไว้ก่อนว่าจะพูดอย่างไร ทำอย่างไร
๐ เตรียมใจไว้เผื่อไม่เป็นไปตามที่คิดหวังไว้

บางปัญหาสามารถแก้ไขได้โดยตรงทันทีตามที่เราต้องการ แต่บางปัญหาอาจต้องชะลอยืดเวลาออก

ไป เพื่อตั้งหลักหาทางแก้ไขหรือต้องประนีประนอม พบกันครึ่งทาง ถึงแม้ว่าจะแก้ไขปัญหาตามที่ต้องการไม่ได้ทั้งหมด ก็ยังดีกว่าไม่ได้แก้ไขอะไรเลย

ในกรณีที่ไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย คงต้องให้ผู้ทุกข์ใจยอมรับความจริง ยอมรับสภาพที่

เกิดขึ้น ผู้ที่สามารถยอมรับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้จะทำให้ชีวิตมีความสุขขึ้น คนที่เข้มแข็งกล้าหาญ ในการเผชิญกับสิ่งที่ไม่ดีล้มเหลวในชีวิตแต่ สามารถสู้ชีวิตต่อไปได้เปรียบเสมือนคนที่ล้มแล้วพยายามลุกขึ้นเดินต่อไป ย่อมจะมีโอกาสดีกว่าคนที่ไม่ยอมลุกขึ้น

- ถ้ายังทำใจไม่ได้ หรือในรายที่เคยมีปัญหาทางสุขภาพจิตมาก่อน ควรจะไปพบผู้ที่มีความรู้ที่สามารถ

ให้การช่วยเหลือได้ที่สถานบริการสาธารณสุขต่างๆ ที่ใกล้บ้าน เช่น สถานีอนามัย โรงพยาบาล

- ติดตามเพื่อประคับประคองทางจิตใจและทำให้รู้สึกว่าไม่ถูกทอดทิ้งด้วยการถามถึงความเป็นอยู่

ช่วยแนะนำและร่วมปรับวิธีการในการแก้ปัญหาครั้งต่อ ๆ ไป

ที่มาของข้อมูล : จากคู่มือดูแลตนเอง เรื่อง ทำอย่างไรเมื่อใจเป็นทุกข์ หน้า 19-23 โดย.กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข