สามารถ ดู "บทความที่ได้รับความนิยม 10 อันดับ

จาก ลิงค์ ส่วนล่างของหน้าบทความนี้ ค่ะ



หากบทความเหล่านี้ มีประโยชน์ อ่านแล้ว ชอบ อยากให้กำลังใจ เจ้าของบล็อก

สามารถทำได้เพียง กดแบ่งปัน ไปตาม google + หรือ facebook หรือ twiter

ขอบคุณค่ะ

วันจันทร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2552

สัจธรรม ความรัก..

เหงา..

 ที่เราต้องเจ็บปวดกับความรักน่ะ ไม่ใช่เพราะมันจากไปหรอก

แต่เพราะมันยังคงอยู่ต่างหาก

ถ้าวันนี้ คนสองคนต่างหมดรักกันไป คงไม่มีใครต้องเสียใจมากนัก

แต่เป็นเพราะรักที่ยังอยู่ในใจคุณนั่นเอง ที่ทำให้คุณยังปล่อยวางลงไม่ได้

 

ธรรมชาติของรัก มักไม่ให้โทษแก่ใคร เพียงแต่อาจปรุงแต่งให้หัวใจพองฟู

จนลืมนึกถึงความจริงที่ว่า

“มีวันที่รักมา ก็มีวันที่รักไปได้”

ความรักเป็นสิ่งที่สวยงาน จนหลายคนอดหลงไหลได้ปลื้มกับมันไม่ได้

ในยามที่รักยังอยู่ เรามักหลอกตัวเองว่า

เพราะเรารักเขามาก คงเห็นความดี ความตั้งใจของเรา

และรักเราตอบบ้าง ไม่มากก็น้อย

 

และเมื่อเขาตอบรับรักของเรา ความฟูของหัวใจ มักทำให้เราก้าวล่วงไปถึงการรู้สึกยึดมั่น

“ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของเรา” เป็นเหมือนทรัพย์สินส่วนตัวทางใจอย่างหนึ่ง

ที่จะต้องอยู่กับเราทุกครั้งที่เราต้องการ นานเท่าที่เราปรารถนา

ความรู้สึกนี้แหละ คือ จุดเริ่มต้น ของความเจ็บปวดทั้งมวล

เพราะมันฝืนกฏธรรมชาติ

 

ไม่ได้บอกว่า รักต้องลงเอยด้วยความเศร้าเสมอไป

เพียงแต่ถ้าเขาจะอยู่ เขาจะไป จะรักคุณมากขึ้น คงเดิม หรือลดน้อย ถอยลง ก็เป็นเพราะคนสองคน

ไม่ใช่ความต้องการของเขาฝ่ายเดียว หรือเราฝ่ายเดียว

ชีวิตเป็นเรื่องซับซ้อน เข้าใจยาก….

แต่ในความซับซ้อนนั้น ก็เรียบง่ายอย่างที่เรานึกไม่ถึง

เพราะไม่ว่าสิ่งไหน เรื่องไหน สารพัด ทุกอย่างล้วนอยู่ในกฏเดียวกัน 

คือ เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แปรสภาพ แล้วก็จบไป

รักที่สมหวัง อยู่กันจนแก่เฒ่า ก็หนีไม่พ้น กฏข้อนี้

เพราะวันหนึ่ง ไม่เราก็เขา ก็ต้องตายจากกัน

“สิ่งสำคัญ จึงไม่ได้อยู่ที่ว่า วันนี้เขาอยู่หรือจากไป” 

สำคัญที่ว่า ช่วงที่เรามีเวลาอยู่ด้วยกัน

ขอให้มีความทรงจำ…ที่ดี ก็เพียงพอแล้ว

อย่างน้อยเราก็มีอะไรดีๆให้นึกถึง และยิ้มให้กับความทรงจำนั้น

ถึงวันนี้จะยังร้องไห้ ก็คงไม่เป็นไร เพราะชีวิตก็แบบนี้ มีวันที่เลวร้าย มีวันที่สวยงาม มีวันที่ว่างเปล่า

สุขก็อยู่กับเราไม่นาน ทุกข์ ก็อยู่กับเราไม่นาน

สุขเคยแวะผ่านมาแล้วก็ไป ทุกข์ก็เป็นเหมือนกัน

ร้องไห้แล้ว ก็อย่าร้องเปล่าๆ ต้องมองให้เข้าใจในสัจธรรมของชีวิตด้วย

credit - หนัง เรื่อง  IL MARE

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

อ่านซะ...จะได้เข้าใจ สำหรับ ..คนอกหัก..

 

ความรัก, love

ลองอ่านดูนะ สำหรับคนที่กำลังร้องไห้ อ่านต่อไป จนจบ น้ำตาจะหยุดไหลเอง

อกหัก' มันก็เป็นแบบนี้เอง …

           เวลาที่คนเราอกหัก มีอยู่สองประโยคที่ผู้คนรอบตัวมักจะนำมาพูดเพื่อปลอบใจคนที่อยู่ในสถานการณ์นั้นอยู่เสมอ นั่นก็คือ “เวลาจะช่วยเยียวยาบาดแผลทุกชนิดได้” และ “เมื่อประตูบานหนึ่งปิดลง ประตูอีกบานก็จะเปิดรอรับเราอยู่เสมอ”

           แต่กว่าจะถึงเวลานั้น ไม่ว่าใครต่างก็รู้สึกว่า เวลาแต่ละเสี้ยววินาที ช่างเนิ่นนาน และผ่านไปยากเย็นเหลือเกิน แต่ก็ขอให้เชื่อเถอะว่า ไม่ว่าจะใช้เวลานานขนาดไหน ทุกสิ่งทุกอย่างจะผ่านไปตามกาลเวลากว่าจะผ่านช่วงเวลาที่ความคิดและความรู้สึกตกผลึกมาได้ ยังมีขั้นตอนอีกมากมาย กว่าที่เราจะผ่านจุดนั้น

           Elisabeth Kbler Ross แพทย์หญิงผู้สนใจประเด็นทางสังคมและจิตวิทยา ได้อธิบายขั้นตอนของความโศกเศร้าที่มักจะเกิดขึ้นระหว่างที่คนเราเกิดความโศกเศร้าจากการสูญเสีย อันเป็นที่รู้จักกันดีในชื่อว่า Kbler-Ross model

ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน

1. ปฏิเสธ

           ตอนนี้คุณยังไม่เชื่อว่าเรื่องราวเหล่านี้ กำลังเกิดขึ้นกับคุณ คุณแยกตัวเองออกมาจากสังคมและเพื่อนฝูง เพราะคุณยังทำใจไม่ได้

           วิธีที่จะช่วยให้คุณผ่านขั้นตอนนี้ไปได้ก็คือ อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือจากคนอื่น เพราะคนที่รักคุณจริงๆ ทั้งเพื่อนฝูงหรือพ่อแม่ ย่อมจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ

2. เกรี้ยวกราด

           คุณคิดว่าคนๆ นั้นกล้าดียังไง ถึงมาทำแบบนี้กับคุณ ตอนนี้คุณอาจจะโกรธทั้งตัวเขาและตัวคุณเองว่า เป็นสาเหตุที่ทำให้ต้องเลิกรากันไป ลองพยายามขจัดอารมณ์โกรธของคุณ ด้วยการเขียนจดหมายถึงเขา แต่ห้ามส่งจดหมายนี้เด็ดขาด หลังจากนั้นลองกลับมาอ่านจดหมายนี้ใหม่ในอีกวันถัดมา แล้วคุณอยากเก็บไว้ หรือจะขยำทิ้งก็ไม่มีใครว่า เขียนไปเรื่อยอารมณ์รุนแรงจะค่อยๆ ลดลงทุกวัน จะเขียนเป็นบันทึกเลยก็ไม่เป็นไร

3. ลดคุณค่าตัวเอง

           ในขั้นนี้คุณจะลดคุณค่าตัวเองลงมา โดยบอกเขาว่า จะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้เขากลับมา อะไรก็ได้ที่จะทำให้เรากลับไปเป็นเหมือนเดิม หรือคุณอาจจะพยายามทำอะไรแปลกๆ เพื่อให้เขากลับมาจนถึงขั้นขาดสติ เช่น โทรตามตื้อไม่หยุด แม้ว่าเขาจะไม่รับโทรศัพท์คุณเลยก็ตาม

4. ซึมเศร้า

           คุณอาจจะยังรู้สึกโกรธ โศกเศร้า รู้สึกผิด ทุกสิ่งทุกอย่างผสมกันอยู่ในตอนนี้ แล้วสิ่งเหล่านั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นอาการซึมเศร้า คุณไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร เหนื่อยแม้กระทั่งหายใจ เพราะคุณสูญเสียการควบคุมทั้งอารมณ์และร่างกายตนเอง ถ้าคุณอยู่ในระหว่างขั้นตอนนี้นานเกินไป จนเสียงานเสียการ ให้ลองปรึกษาผู้วชาญอย่างจิตแพทย์ดู

5. ยอมรับ

           คุณเริ่มเข้าใจถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น คุณไม่รู้สึกโกรธเกรี้ยว หรือจมอยู่ในความเศร้าเหมือนที่ผ่านมา เวลาที่คิดถึงเขา คุณไม่ได้รู้สึกอารมณ์รุนแรงเหมือนเมื่อก่อน ทั้งในแง่บวกหรือลบ คุณสามารถที่จะกลับมามีชีวิตของคุณได้อีกครั้ง มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงเหมือนเดิม

           กว่าจะมาถึงขั้นที่ 5 นั้น Emily Battadlia นักเขียนด้านสุขภาพจากเวบไซต์ LifeScript ให้คำแนะนำสำหรับคนที่ยังทำใจไม่ได้สักที หรือกำลังอยู่ในระหว่างช่วงที่ 2 โดยเธออธิบายว่า ในช่วงนี้คุณจะยอมทำทุกอย่างเพื่อรั้งเขาไว้ แม้เพียงช่วงเวลาสั้นๆ คุณอาจจะพยายามทำทุกอย่าง เพื่อติดต่อเขาทั้งโทรศัพท์ อีเมล ไปหาที่บ้าน เฝ้าถึงที่ทำงาน ซึ่ง Emily บอกว่า ห้ามทำเด็ดขาด

           เพราะผู้หญิงส่วนมากมักจะบอกตัวเองว่า แฟนเก่าของพวกเธอยังคงคิดถึงเธออยู่ เหมือนที่เธอยังคงคิดถึงเขาอยู่ แต่ถ้าเขาไม่ได้คิดอย่างคุณล่ะ? คุณคงไม่อยากดูเป็นคนสิ้นหวังและไร้ค่าในเวลาเดียวกัน

เหตุผลที่สอง

           ยิ่งคุณติดต่อเขามากเท่าไหร่ คุณยิ่งไม่สามารถจะก้าวผ่านมันไปได้ ขอให้คุณจำเอาไว้ว่า ทุกครั้งที่คุณโทรหาเขา ไปหาเขา เขียนอีเมลหาเขา คุณยิ่งก้าวถอยหลังไปเท่านั้น

           ถึงแม้ว่าการบังคับตัวเองไม่ให้ติดต่อเขา จะเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็ญ แต่คุณก็ต้องพยายามฝืนความรู้สึกนั้นเอาไว้ ซึ่งหมายความว่า ห้ามมีข้ออ้างว่าจะไปเอาถุงเท้าที่ลืมไว้ที่บ้านเขาข้างหนึ่ง หรือตั้งใจไปงานเลี้ยงที่รู้ว่า เขาจะต้องไปแน่ๆ รวมถึงการโทรหาเขาตอนกลางคืนอันเป็นผลมาจากอารมณ์หงอยถึงขีดสุด ท่องเอาไว้เสมอว่า พรุ่งนี้เป็นวันใหม่ที่จะนำโอกาสและความหวังใหม่มาให้คุณ และถ้าอยากคุยกับใครสักคน ก็ให้โทรหาเพื่อนของคุณแทนและพยายามทำใจให้เร็วที่สุด

           แทนที่จะจมปลักอยู่กับอดีต ก็ลองเอาเวลาที่คุณมีอย่างเหลือเฟือมาเปิดโลกใหม่ให้ตัวเอง ด้วยการทำในสิ่งที่คุณอยากทำในอดีต แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ทำเมื่ออยู่กับเขา หรือพบปะสังสรรค์กับผู้คนใหม่ๆ ทั้งหญิงและชาย แต่พยายามอย่าทำอะไรที่คุณและเขาเคยทำด้วยกันในอดีต และเมื่อคุณแน่ใจแล้วว่า คุณไม่ได้รู้สึกอะไรพิเศษกับแฟนเก่าของคุณอีกต่อไป คุณก็สามารถเริ่มต้นความสัมพันธ์ใหม่ได้ เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองพร้อมแล้ว อย่าปิดกั้นตัวเอง

           จากนั้นเมื่อคุณผ่านความรู้สึกเหล่านั้นไปได้ ให้เอาบทเรียนที่เกิดขึ้นนี้ มาทำความเข้าใจและเรียนรู้มัน ลองอธิบายเหตุผลว่า ทำไมคุณถึงเลิกกัน ลิสต์ออกมาเป็นข้อๆ แล้วดูว่าแต่ละข้อเกิดจากอะไร เมื่อคุณได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดนั้นแล้ว คุณก็ควรจะบอกตัวเองไม่ให้ทำสิ่งเหล่านั้นอีกในความสัมพันธ์

 

credit : www.sanook.com

อดทน ยอมรับความจริง

“บางครั้ง ในชีวิตคนเราก็ต้องอดทน กับสิ่งที่ไม่อยากอดทน”

การยอมรับความจริง แม้จะเจ็บปวดมากมายเพียงใดก็ตาม ต่อให้หนีความจริงมากมายแค่ไหน แต่วันหนึ่ง เราก็ต้องกลับมายอมรับมันอยู่ดี

คนบางคน ใช้เวลาทั้งชีวิตกว่าจะพร้อมทำใจยอมรับ  ถึงวันนั้น หลายๆอย่างอาจดูสายไป สำหรับสิ่งดีๆที่มีเข้ามาในชีวิต

บางคน ดิ้นรนหนีความจริง หลอกตัวเองไปวันๆ แต่ก็ต้องอยู่กับความกลัวตลอดเวลา อยู่กับความสุข บนความทุกข์ใจลึกๆของตัวเอง

บางคน ใช้เวลาไม่นานนักที่จะยอมรับสิ่งที่เป็นไป อาจจะดูเหมือนไม่ใส่ใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

แต่เพราะเค้ารู้ว่า ทุกอย่างต้องเป็นไป ตามวาระเวลา และลึกๆแล้วยังคงคิดถึงมันไม่เปลี่ยนแปลง

 

จริงอยู่ ที่วันนี้ เราเหนื่อยนัก ได้แต่..ร้องไห้…กับสิ่งที่เจอ ปานว่าจะขาดใจ

แล้ววันหน้าล่ะ เราจะร้องไห้แบบนี้ ไปอีกนานแค่ไหน  ใครให้คำตอบได้บ้าง

ยามผิดหวัง ท้อแท้ เสียใจ ได้แต่บอกตัวเอง ว่า ฉันเหนื่อยเหลือเกิน ..

กลับกัน .. ทำไม เราถึงไม่ถามตัวเองบ้าง ว่า ฉันจะร้องไห้แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

เมื่อเหนื่อยนัก ทำไม ไม่หยุดมัน เมื่อเขาไม่รัก เมื่อเขาทิ้งเราไป เราจะร้องไห้ให้เขาเพิ่ออะไร

ในความเป็นจริง เราอาจจะถาม แต่ก็คงได้แต่ถาม... เมื่อมันยังทำใจไม่ได้เลย…เพราะ เรายังไม่ยอมรับความจริง

 

เหนื่อยจัง  ฉันได้แต่บอกตัวเองซ้ำๆ ย้ำๆ อย่างนั้นกับทุกวันที่ผ่านมาและผ่านไป

กับคำถาม “ทำไม” ในใจตลอดเวลา 

ทำไมเขาทิ้งเรา ทำไมเขาไม่รักเรา ทำไมต้องให้ความหวัง แล้วหลอกเรา ทำไมเราไม่ดีตรงไหน ทำไมเราสู้คนนั้นไม่ได้ ทำไม และ ทำไม ….

ได้แต่ถาม ซ้ำไปซ้ำมา กับตัวเอง … คุยกับตัวเอง  

ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำ เหมือนได้แต่ตอกย้ำตัว 

จนเราลืมที่จะปลอบใจตัวเอง …. ว่า ทำไม เราถึงไม่ยอมรับความจริง ทำไมเราถึงต้องมานั่งคร่ำครวญ ให้ตัวเองทุกข์ใจแบบนี้  ทำไม และ ทำไม ….